แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฟันสวย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฟันสวย แสดงบทความทั้งหมด

12/8/56

บทความสุขภาพและการดูแลสูขภาพให้ดูดีสำหรับผู้หญิง








วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย

             บทความสูขภาพและการดูแลสุขภาพให้ดูดีตลอดไป








วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



     แนะนำ "อาหารเพื่อสุขภาพฟัน"





ฟันเป็นสิ่งที่แลดูว่าจะแข็งแรงที่สุด ทำให้หลายๆ คนนั้นมอองข้ามไป ไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแล การแปรงฟันบ่อยๆ ก็พอช่วยได้นะค่ะ แต่ก็ยังมีอีหลายวิธีง่ายๆ ที่พอจะเป็นวิธีดูแลฟันของเราได้ แล้วหนึ่งในวิธีที่จะช่วยดูแลฟันของเราได้นั้นก็คืออาหารค่ะ ห๊ะ! อาหารนี้นะที่จะมาดูแลฟันของเรา มันใช่แล้ว ออ ขนาดเวลาทานอาหารเสร็จยังต้องรีบแปรงฟันเลย เพราะกลัวสิ่งสกปรกของอาหารจะตกค้าง แล้วนี้มาบอกว่าอาหารนี้นะจะช่วยดูแลสุขภาพฟัน โอวว ไม่จริงๆ ทำไมจะไม่จริงหล่ะค่ะ ก็วันนี้จะมา แนะนำ "อาหารเพื่อสุขภาพฟัน" ให้ได้รู้กันอยู่นี้ไงค่ะ คิดอยู่แล้วแหละว่าหลายๆ คนนั้นคงจะ งง หรืออาจจะไม่เชื่อว่า อาหารเพื่อสุขภาพฟัน นั้นจะมีจริงๆ อะงั้นเอาเป็นว่าเราจะไม่ปล่อยให้สงสัยนานหรอกค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า อาหารเพื่อสุขภาพฟัน ที่เราพูดถึงนั้นคืออะไร แล้วอาหารเหล่านี้พิเศษแค่ไหนถึงได้มาเป็น อาหารเพื่อสุขภาพฟัน ไปดูกันเลยค่ะ

แนะนำ "อาหารเพื่อสุขภาพฟัน"

1. แอปเปิ้ล 
รสหวานลิ้น ไม่เหนียว ช่วยเรียกน้ำลายได้ดี เพราะน้ำลายคือ กลไกธรรมชาติที่ร่างกายใช้ชะล้างเศษอาหารและปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในปาก

2. แครอท 
ความกรอบจะช่วยให้เหงือกสะอาดและฟันแข็งแรง ช่วยกำจัดเศษอาหาร มีเส้นใยช่วยให้ปากสะอาด ช่วยเรียกน้ำลาย
3. แครนเบอร์รี่ 
มีสารประกอบที่สามารถป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดฟัน และสกัดกั้นการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์
4. กีวี 
เป็นหนึ่งในสิบของสุดยอดอาหารเพื่อความงาม มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงฟัน
5. ลูกเกด 
คืออาหารที่นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยด์ในชิคาโก สหรัฐอเมริกาพบว่า มีกรดโอเลียโนอิก ซึ่งเป็นสารพฤษเคมีที่การทดลองในห้องแล็ปพบว่า ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก โดยกรดโอเลียนิกที่ความเข้มข้น 31 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยป้องกันแบคทีเรีย เอส.มิวแทนส์ไม่ให้เกาะผิวฟัน และที่ความเข้มข้น 62 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อพอร์ฟีโรโมนาส กิงกิแวลิส อันเป็นตัวการสำคัญของโรคเหงือกอักเสบ

6. วาซาบิ 
ซึ่งจากผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่า วาซาบิมีสารไอโซธิโอเซียเนต ซึ่งยับยั้งการเติบโตของเชื้อ เอส.มิวแทนส์






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




        กินรังนก "ป้องกันโรคหวัด" ได้จริงหรือไม่





หวัดเป็นอีกหนึ่งโรคที่เราทุกคนเป็นกันอยู่ๆ บ่อยๆ เรียกว่าเป็นโรคเพื่อนบ้านเลยก็ว่าได้ค่ะ แล้วยิ่งช่วงนี้ขอบอกเลยว่าอากาศบ้านเราเดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดอก อากาสไม่ค่อยมั่นคงแบบนี้ร่างการของเราปรับสภาพไม่ทันแน่นอนค่ะ ปัญหาโรคหวัดนี้มาเยี่ยมแน่นอน โถ่วว....การเป็นหวัดนี้หายยากนะค่ะใครๆ ก็รู้ แล้วพอจะมีวิธี ป้องกันโรคหวัด หรือไม่ค่ะเนี๊ย บางคนเป็นหวัดบ่อย แต่ก็ไม่อยากที่จะไปหาหมอ วันนี้ มีเกร็ดน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับการกินรังนกมาฝากค่ะ อะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับหวัด สงสัยใช่ไหมหล่ะค่ะ เพราะเขาว่ากันว่า กินรังนก "ป้องกันโรคหวัด" ได้ แต่เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ เอาเป็นว่าตอนนี้สาวๆ หรือใครที่กำลังหาวิธี ป้องกันโรคหวัด อยู่หล่ะก็เรารองไปดู ทริปน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพวันนี้ ลองไปศึกษาให้ละเอียดดูนะค่ะว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร เรามีข้อมูลมาฝากอย่างละเอียดแล้วค่ะ

น่ารู้เรื่อง! กินรังนก "ป้องกันโรคหวัด"

อากาศกำลังเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ต้นฤดูหนาว อากาศอย่างนี้หลายๆ คนปรับตัวไม่ทัน จึงพบเห็นคนป่วยเป็นโรคไข้หวัดกัน นอกจากการทำร่างกายให้อบอุ่นเพื่อป้องกันไข้หวัดแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่สำคัญมากก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้โปรตีนและวิตามินต่อร่างกายเพื่อป้องกันไข้หวัด

นอกจากผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีแล้ว ทราบหรือไม่ว่า “รังนก” ก็เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะในรังนกมีองค์ประกอบหลักคือ ไกลโคโปรตีน ซึ่งจะไปจับเชื้อไวรัสและยับยั้งการเกิด hemagglutination ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวเพิ่มจำนวนของไวรัส จึงทำให้จำนวนไวรัสไม่เพิ่มจำนวนและแพร่กระจายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ไกลโคโปรตีน ที่มีอยู่ในรังนกยังช่วยเพิ่มการทำงานของเซลเม็ดเลือดขาวที่ชื่อ Monocyte ซึ่งปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นการรับประทานรังนกจึงป้องกันไข้หวัดได้






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




   แนะนำ "ปริมาณการทานผลไม้ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน"



เบาหวานเป็นโรคที่เรามักจะพบในผู้สูงอายุ โรคนี้เรียกได้ว่าเป็นโรคที่พบเจอบ่อยๆ มากๆ  และโรคเบาหวานนี้ก็เป็นโรคที่เคร่งเรื่องอาหารแบบว่าต้องควบคุมออาหารไว้ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้มีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ถืงแม้ว่าจะช่วยควบคุมในเรื่องการกิน แต่กับผลไม้นั้นจริง แล้วผู้ป่วยโรคนี้นนั้นทานผลได้ตามปกติเลยนะค่ะ แต่ที่สำคัญคือผลไม้นั้นถ้าเกิดว่าทานถูกวิธีก็ยังช่วยลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยได้อีกด้วย วันนี้ ก็เลยมีคำแนะนำเกี่ยวกับ "ปริมาณการทานผลไม้ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน" มาฝากกันค่ะ  ปริมาณการทานผลไม้ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน ที่เราจะมาแนะนำนี้ก็เพื่อที่จะเป็นความรู้ดีๆ ให้คนที่ดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ได้รับรู้ และสารมารถปฏิบัติเกี่ยวกับการทานผลไม้ของผู้ป่าวยโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูคำแนะนำเกี่ยวกับ ปริมาณการทานผลไม้ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน กันเลยดีกว่านะค่ะว่าควรจะทานมากน้อยเช่นไรถึงจะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานค่ะ

แนะนำ ปริมาณการทานผลไม้ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรค เบาหวาน สามารถกินผลไม้ได้วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร หรือกินเป็นอาหารว่าง โดยกินไม่เกินครั้งละ 1 ส่วน ปริมาณ 1 ส่วนของผลไม้หมายถึง
- ผลไม้ขนาดเล็ก 5-8 ผล
 เช่น ลองกอง และ องุ่น
- ผลไม้ขนาดกลาง 1-2 ผ
ล เช่น ส้ม ชมพู่ และ กล้วย
- ผลไม้ขนาดใหญ่ ½ ผล 
เช่น มะม่วง และ ฝรั่ง
- ผลไม้ขนาดใหญ่มาก 6-
8 ชิ้นคำ เช่น มะละกอ สับปะรด และ แตงโม







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



    เคล็ดลับ "วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า"





ในช่วงฤดูฝนแบบนี้จะเดินไปไหนมาไหนก็ต้องระมัดระวังนะค่ะ ถนนเฉ๊อะแฉะ บางที่ก็มีน้ำกักขังเลี่ยงไม่ได้เลยที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ แล้วน้ำนั้นก็สกปรกมากๆ ไม่รู้ว่าปะปนกับอะไร ขอแนะนำว่าโรคปัญหาน้ำกัดเท้าจะตามมา เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ก็เลยมีเคล็ดลับ "วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า" มาบอกกันค่ะ สำหรับเคล็ดลับ วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า นี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่บอกเลยว่าถ้าเราบอกไปแล้วหลายๆ คนนั้อาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่าสิ่งนี้หรอ สิ่งที่เรามองข้าไปนี้นะจะเป็น วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า ได้ตอนนี้เชื่อว่าหลายๆ คนนั้นก็คงอยากที่จะรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่าอะไรน๊าที่จะมาเป็น วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า อย่างที่บอก แล้วแบบว่ามันอยู่ใกล้ตัวเราขนาดนั้นเลยหรอเนี๊ย งั้นเราก็อย่ามัวสงสัยกันอีกเลยค่ะ ไปดูเคล็ดลับ วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า กันเต๊อะ อย่างไรก็รู้ไว้ไม่เสียหายนะค่ะ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง

เผย วิธีการรักษาน้ำกัดเท้า

ผลมังคุด ที่ใครหลายคนมองข้ามประโยชน์ไป คุณสาวๆ ทราบมั้ยคะ ว่าเปลือกของผลมังคุดนี่แหละค่ะ จะช่วยรักษา โรคน้ำกัดเท้า ได้ กับทริคเด็ดๆ ง่ายๆ นี่เลย… ให้คุณสาวๆ นำเปลือกมังคุด จะเป็นแบบสด หรือแบบแห้งก็ได้นะคะ นำเอามาฝนให้ละเอียด จากนั้นก็นำไปผสมกับนำปูนใส ขนให้เข้ากัน เอาให้เข้มข้นพอประมาณ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ใช้ทาแล น้ำกัดเท้า วันละ 2-3 ครั้ง ทำต่อเนื่องไปจนกว่าแผลน้ำกัดเท้าจะหายนะคะ







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



      แก้ปัญหาฟันผุง่ายๆ ด้วยวาซาบิ





ถ้าพูดถึงวาซาบีหลายๆ คนอาจจะสัมผัสไดถึงพลังงานบางอย่างที่แบบว่าขึ้นหูขึ้นตาจมูกปากกันเลยทีเดียว เราจะกินวาซาบิคู่กับอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิ ข้าวปั้น ปลาดิบ ไรงี้ เพราะเป็นสิ่งที่เราจะนึกถึงทุกครั้งเมื่อพูดถึงอาหารเหล่านี้ แต่อยากจะบอกว่า วาซาบิไม่ใช่แค่มีประโยชน์ในเรื่องกินเท่านั้นนะค่ะ เพราะเราได้ค้นพบแล้วว่าวาซาบิมีประโยชน์ที่มากกว่านั้น วันนี้ มีวิธี แก้ปัญหาฟันผุง่ายๆ ด้วยวาซาบิ มาฝากกันค่ะ อะๆ ไม่อยากเชื่อหล่ะสิค่ะว่า วาซาบิจะช่วย แก้ปัญหาฟันผุได้ง่ายๆ ได้จริง โถ่แล้วจะให้เอามาแปรงแทนยาสีฟันหรือว่าเอามาทาตรงฟันผุกันละทีนี้ โอ้ม่ายยย มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยมั้ยค่ะ แบบนี้ไม่ไหวนะ อะๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกลนู้นเลยค่ะ เอาเป็นนว่าตอนนี้นะค่ะเราไปดูกันจะๆ เลยดีกว่าค่ะว่า จริงๆ แล้ววาซาบินั้นจะช่วย แก้ปัญหาฟันผุง่ายๆ  ได้จริงหรือไม่ อาจจะแลดูเป็นการรักษาฟันผุที่ออกแนวโหดร้ายไปนิด อิอิ แต่อย่างไรก็น่าสนใจนะค่ะง่ายดี อย่างมัวรอช้าเลยค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่า

เผยเทคนิคการ แก้ปัญหาฟันผุง่ายๆ

หลายคนคงจะเคยลองลิ้มชิมรสกับอาหารญี่ปุ่นกันบ้างแล้ว และหลายคนก็คงจะได้ลองสัมผัสกับความฉุนของเจ้า “วาซบิ” ที่ถือว่าเป็นเครื่องปรุงอย่างหนึ่งของอาหารญี่ปุ่นกันแล้ว บางคนอาจจะหลงใหลในรสฉุนดังกล่าว บางคนอาจจะร้องยี้ แต่รู้หรือไม่คะว่า ในวาซาบิที่คุณเขี่ยให้ห่างเวลาทานอาหารญี่ปุ่นนั้น มีประโยชน์มากมาย ที่นอกจากจะช่วยทำให้โล่งจมูกและอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งแล้ว ยังอาจจะช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย

นายฮิเดกิ มาซูดะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัท โอกาวะ ผู้ผลิตเครื่องปรุงรส ของญี่ปุ่น กล่าวว่า สารประกอบทางเคมีในวาซาบิ นอกจากทำให้วาซาบิ มีรสชาด และกลิ่นรุนแรงแล้ว ยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็น ต้นเหตุของฟันผุ โดยวาซาบิประกอบด้วย ไอโซทิโอไซยาเนตส์ ซึ่งนักวิจัยพบว่า สามารถยับยั้งการผลิตเอนไซม์ ที่มีส่วนสำคัญ ในการก่อตัวของหินปูน ก่อนหน้านี้ วาซาบิ เคยมีชื่อเสียงในเรื่องของการป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน ลดความเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็ง และป้องกันโรคหอบหืด






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



        เตือน...อันตรายจากคอรีนในสระว่ายน้ำ





ร้อนๆ แบบนี้ถึงแม้จะเป็นหน้าฝน แต่อากาศนั้นก็ยังร้อนฝุดๆ อยู่ดี ถ้าจะให้อาบน้ำบ่อยๆ ไม่ไหวหรอกค่ะ จะทนร้อนให้เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะก็เห็นที่จะไม่ใช่เรื่อง วันหยุดแบบนี้ไปว่ายน้ำคลายร้อนกันไหมค่ะ โอ้เดี๋ยวก่อนค่ะแปบนึงคือว่าก่อนที่สาวๆ คิดว่าจะไปว่ายน้ำคลายร้อนเนี๊ยนะค่ะ วันนี้ ขอเตือน...อันตรายจากคอรีนในสระว่ายน้ำ ก่อนนะค่ะ คือว่าสระน้ำที่เห็นใสๆ พื้นสีฟ้าๆ เนี๊ย สาวๆ หลายๆ คนนั้นอาจจะคิดว่า โอ้น้ำใส สะอาดดี แต่กว่าจะใสและสะอาดขนาดนี้คอรีนมีมากเท่าไหร่อันนี้เราไม่มีทางรู้ได้เลย แล้วอันตรายจากคอรีนในสระว่ายน้ำเนี๊ยจะทำอะไรกับสุขภาพของเราบ้างนี้สิค่ะปัญหาใหญ่ งั้นเอาเป็นว่าก่อนจะไปคลายร้อนด้วยการว่ายน้ำแล้วหล่ะก็ เราของพาคุณไปศึกษาอันตรายจากคอรีนในสระว่ายน้ำก่อนนะค่ะว่าจะมีผลอย่างไรกับสุขภาพของเรามั่ง ยังงัยก็ควรจะศึกษาให้ละเอียดนะค่ะ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง

อันตรายจากคอรีนในสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำ ที่มีอยู่ตามโรงแรม สถานศึกษาหรือหมู่บ้านชุมชนใหญ่ ๆ มีความจำเป็นสำหรับการออกกำลังกายของผู้ชอบกีฬาว่ายน้ำ หรือไว้ใช้ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาว่ายน้ำ ทำให้สระว่ายน้ำมีผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก จึงมีโอกาสปนเปื้อนด้วยจุลินทรีย์จากร่างกายของผู้มาใช้บริการค่อนข้างมากด้วย ได้มีการนำสารประกอบคลอรีนมาใส่ในสระว่ายน้ำเพื่อฆ่าจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งนี้ปริมาณคลอรีนในสระว่ายน้ำที่ใช้จะมีปริมาณ 0.6 1.0 ส่วนในล้านส่วน แต่ในปัจจุบัน ผู้ดูแลสระว่ายน้ำได้นำคลอรีนมาใส่ในปริมาณมากเกินไปหรือนำสารประกอบคลอรีนอื่น ๆ มาใช้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้ใช้บริการได้ง่าย

เมื่อไม่นานมานี้ทันตแพทย์หญิงจันทนา อี้งชูศักดิ์ กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และคณะนักวิจัยจากกองทันตสาธารณสุขได้ร่วมกับโรงเรียนการกีฬาจังหวัดขอนแก่น ได้ให้ข้อมูลในผลการวิจัย เรื่อง ภาวะฟันกร่อนในผู้ว่ายน้ำ โดยการตรวจสภาพฟันกร่อนของนักกีฬาว่ายน้ำจากโรงเรียนการกีฬาจังหวัดขอนแก่น จำนวน 18 คน พบว่าทุกคนมีสภาพฟันกร่อนอย่างรุนแรง เนื่องจากนักกีฬาว่ายน้ำได้สัมผัสกับน้ำในสระว่ายน้ำที่มีความเป็นกรดสูงเป็นเวลานาน เพราะสระว่ายน้ำดังกล่าวได้ใช้สารประกอบเคมีของคลอรีนที่เรียกว่า กรดคลอโรไอโซไซยานูริกหรือคลอรีน 90% มาใช้ทำลายจุลินทรีย์หรือเชื้อโรค โดยที่ คลอรีน ดังกล่าวมีราคาถูก ยับยั้งการเจริญของตะไคร่น้ำได้ ทำให้น้ำใส แต่ปริมาณคลอรีนจะตกค้างในน้ำได้เป็นเวลานานทำให้สระน้ำมีความเป็นกรดเป็นเวลานานตามไปด้วย

สำหรับภาวะการณ์เกิดฟันกร่อนเป็นการสูญเสียเนื้อเยื่อแข็งของฟันเนื่องมาจากปฏิกิริยาทางเคมีตามปกติแล้วถ้ารักษาฟันไม่สะอาดก็จะมีจุลินทรีย์มาเจริญปกคลุมเนื้อเยื่อฟันที่เรียกว่าแผ่นคราบจุลินทรีย์ จุลินทรีย์เหล่านี้จะเจริญและสร้างกรดออกมาทำลายสารเคลือบฟันทำให้สารเคลือบฟันบางลงเรื่อย ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ไปนาน ๆ จึงเกิดสภาพฟันกร่อนขึ้นมา อาการที่ปรากฏก็คือการเสียวฟันอยู่เสมอ ๆ

ถ้าท่านเป็นนักกีฬาว่ายน้ำหรือเป็นผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำเป็นประจำ ก็ควรจะได้มีการตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพราะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฟันกร่อนได้ง่าย การตรวจสุขภาพฟันดังกล่าวจะทำให้ทราบว่ามีการเกิดภาวะฟันกร่อนหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีภาวะฟันกร่อนจะต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วนเพื่อลดอาการเสียวฟัน จะช่วยให้มีความปลอดภัยต่อสุขภาพด้วย







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



           ฆ่าเชื้อโรคด้วยเปลือกเลมอน...ได้จริงหรือ





เชื้อโรคเป็นสิ่งที่อยู่กับเราในทุกที่และยังเป็นตัวทำร้ายสุขภาพของเราอีกด้วย จะทำยังงัยหล่ะค่ะก็ต้องกำจัดสิค่ะ แล้วสิ่งที่เราเห็นคือสิ่งที่กำจัดเชื้อโรคก็ใช่ว่าจะปลอดภัยมีสารเคมีต่างๆ เยอะแยะ แล้วเราจะไว้ใจได้อย่างไรค่ะ มีสิ่งที่พอจะฆ่าเชื่อโรคแบบธรรมชาติบ้างไหมค่ะเนี๊ย มีค่ะมีแต่เราก็ยัง งง อยู่ว่าจริงๆ แล้วเราสามารถ ฆ่าเชื่อโรคด้วยเปลือกเลมอน...ได้จริงหรือ นี้คือสิ่งที่รู้ว่าแต่ยังไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ ก็เลยจะพาคุณๆ มาพิสูจน์กันนะค่ะว่าจริงๆ เราสามารถ ฆ่าเชื้อโรคด้วยเปลือกเลมอน...ได้จริงหรือ เชื้อว่าววิธีง่ายๆ และเป็นธรรมชาติแบบนี้ปลอดภัย และเป็นวิธีที่สาวๆ ตามหาอย่างแน่นอนเลยค่ะ ถ้างั้นตอนนี้ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมแล้วเราไปฆ่าเชื้อโรคด้วยเปลือกเลมอนกันเลยค่ะ ไม่มีเชื้อโรคก็เท่ากับเราคืนการมีสุขภาพที่ดีให้ตัวของเราเองนะค่ะ

แนะนำการ ฆ่าเชื้อโรคด้วยเปลือกเลมอน

เลมอน (Lemon) เป็นมะนาวลูกใหญ่เปลือกหนาสีเหลือง ที่มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อบีบน้ำมะนาว ออกหมดแล้ว ยังนำเปลือกมาใช้ทำส่วนผสม ไว้ฉีดทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค จำพวกแบคทีเรีย บริเวณโซฟา ผ้าม่าน พื้นพรมได้ด้วย

วิธีการทำ 

1. ฝาน เปลือก เลมอน 1 ผล แล้วนำไปตากแห้ง 1 วัน
2. นำขวดแก้วสะอาดมา 1 ใบ ใส่น้ำส้มสาย
ชู (ที่ทำจากข้าว) 500 มิลลิลิตร (ครึ่งลิตร) และ เปลือกมะนาวจากข้อ1. ลงไปในขวดแก้ว
3. ปิดฝาขวด เขย่าให้เข้ากัน แล้วนำไปตาก
แดด 10-14 วัน
4. เทใส่ในกระบอกฉีดน้ำแบบหัวสเปรย์ เพื่
อใช้ฉีดบริเวณที่ต้องการทำความสะอาด

……..สูตรนี้นอกจากช่วยป้องกันแบคทีเรียแล้ว ส่วนผสมยังดีต่อสุขภาพ และมีกลิ่นหอมสดชื่นจาก เปลือกเลมอนอีกด้วย






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



          ประกาศ...อาหารเสียสวย





ความสวยเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร แต่ถึงแม้ว่าความสวยจะไม่เข้าใครออกใครแต่ทุกคนก็อยากที่จะดึงความสวยเข้ามาหาตัว พยายามทำทุกวิธีต่างๆ เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความสวย เพื่อที่จะให้เราดูสวยอยู่ตลอดเวลา แต่ก็แหม่ดิ้นร้นหาหนทางเพื่อที่จะสวย แต่แค่อาหารไม่กี่อย่างนี้เองที่ทำให้ความสวยทั้งหมดหายไป ขอบอกว่าอาหารเพียงไม่กี่อย่างจริงๆ ค่ะที่เราไม่รู้ตัวว่าพอกินเข้าไปแล้วมันจะไปทำร้ายความสวยที่เราอุส่าห์สร้างมาจนหมดสิ้น สาวๆ อยากรู้กันหรือยังค่ะว่า อาหารเสียสวย ที่เราได้พูดถึงนี้จะมีอาหารแบบไหน และประเภทใดบ้าง ถ้าอยากรู้แล้วก็อย่ามัวรอช้าเลยค่ะ ยิ่งช้าเดียวความสวยจะยิ่งเรือนหายไป เอาเป็นว่าตอนนี้เราพาสาวๆ ไปรู้จัก และไประวังกับ อาหารเสียสวย กันเลยดีกว่าค่ะ ยิ่งหลีกได้ความสวยจะยิ่งอยู่กับเรานานขึ้นเรามั่นใจ

ประกาศ...อาหารเสียสวย

1. เครื่องเทศ (หัวหอม กระเทียม และพริกแกง) 
หากมี อาหาร รสชาตอร่อยจานไหน ที่ปรุงด้วยเครื่องเทศเหล่านี้อย่างกระหน่ำมือล่ะก็ ไม่ควรเป็นอย่ายิ่งที่จะสั่งมาทาน เพราะหลังจากที่คุณรับประทานเจ้าพวกนี้เข้าไป กลิ่นอันรุนแรงของมัน ก็จะติดปากคุณแน่นยาวนาน ซึ่งจะทำให้ ความมั่นใจที่จะกระซิบกระซาบต่อกัน จะหดหายไปอย่างแน่นอน

2. น้ำอัดลม 
สาวๆ ผู้รักสวยทั้งหลาย จงระวังเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมให้ดี เพราะนอกจากน้ำจะทำให้คุณอ้วนกลมได้หากรับประทานบ่อยๆแล้ว มันยังเป็นต้นเหตุของแก็สในกระเพาะอาหาร ที่อาจทำให้คุณเผลอ เรอ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าหนักเข้า เกิดผายลมต่อหน้าเขา คงไม่ดีแน่
3. ผักดิบ
จำพวกกระหล่ำดอก กะหล่ำปลี และบล็อกโคลีผักดิบเหล่านี้ก็เป็นตัวการอีกตัวที่ทำให้เกิดแก็สในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องไส้คุณปั่นป่วน อึดอัดอยากผายลม ซึ่งอาจทำให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ รู้แบบนี้แล้ว ก็หลีกเลี่ยงเถอะนะ
4. ข้อระมัดระวังในงานเลี้ยง

ถ้าหากนัดสำคัญของคุณ บังเอิญเป็นงานเลี้ยง มีแต่อาหารอร่อย เย้ายวนความอยาก กิน กิน กิน ของคุณเสียเต็มประดา นอกจากว่า ให้ระวังภาพพจน์ที่อาจเสียหายเพราะอาหารบางจานข้างต้นแล้ว ก็ยังต้องไม่ลืม ควบคุมตัวเอง ไม่ให้กินเพลินจนอ้วนแผละ เนื่องจากชีวิตนี้ เจองานเลี้ยงบ่อยเหลือเกิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเทคนิค ควบคุมอาหารกันเอาไว้บ้าง ดังนี้ รู้เคล็ดลับเหล่านี้แล้ว ก็อย่าปล่อยให้อาหารทำลายนัดสำคัญ และหุ่นดีๆ ของคุณล่ะ







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



          สมูทตี้แสนหวาน "ตัวทำร้ายฟันให้สึกหรอ"






"สมูทตี้" หรือน้ำผลไม่ไม่แยกกากอีกหนึ่งเครื่องดื่มคลายร้อยที่เป็นที่นิยมของใครหลายๆ คน ก็เพราะว่าเป็นน้ำผลไม้ถึงได้คิดว่ามันมีประโยชน์และแถมยังอร่อยอีกด้วย เพราะฉะนั้นคงไม่มีอันตรายอะไรแน่ๆ ไม่มีแอลกอฮอลล์ ไม่มีสารอะไร ok ปลอดภัย แต่อนิจาค่ะมันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยสิค่ะรู้กันหรือไม่ค่ะว่า สมูทตี้แสนหวาน นี่แหละค่ะเป็น ตัวทำร้ายฟันให้สึกหรอ ได้ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ แต่จากข้อมูลก็เป็นเช่นนั้แหละค่ะจริงๆ งั้นอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราไปศึกษารายละเอียดกันให้ดีและถี่ถ้วนกันดีกว่านะค่ะว่า สมูทตี้แสนหวาน ที่เป็นน้ำผลไม้เนี๊ยทำไมนะทำไม ทำไมถึงได้เป็น ตัวทำร้ายฟันให้สึกหรอ ได้ เชื่อว่าหลายๆ คนนั้นก็คงอยากรู้แล้ว เกร็ดน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพเช่นนี้ขอแนะนำว่าอย่าพลาดเลยค่ะ เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญแม้เพียงเสียววินาทีก็ไม่ควรที่จะละเลยนะค่ะ

เผย ตัวทำร้ายฟันให้สึกหรอ

น้ำผลไม้ปั่นไม่แยกกาก หรือที่เรียกว่า สมูทตี้ แม้จะมีข้อดีทำให้เราได้รับคุณค่าจากผลไม้มากขึ้น แต่ข้อเสียคือ น้ำผลไม้ปั่นมีน้ำตาลและกรดจากผลไม้สูง ยิ่งเติมน้ำตาลเข้าไปด้วยจะยิ่งทำให้ปริมาณน้ำตาลสูงขึ้นไปอีก ผลเสียคืออาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะฟันสึกกร่อนในระยะยาว รู้สึกเสียวฟัน และฟันผุเพิ่มขึ้น

วิธีป้องกันฟันผุสำหรับผู้ที่หลงใหลเครื่องดื่ม สมูทตี้ คือแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ก่อนดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม หรือบ้วนปากหลังดื่มน้ำผลไม้ จนผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วค่อยแปรงฟัน ไม่ควรแปรงฟันทันที เพราะกรดซีตริกจากน้ำผลไม้จะไปละลายแคลเซียมในผิวเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันชั้นนอกอ่อนลงและหลุดออกง่ายขึ้น







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



 งาดำ และ ข้าวสีนิล "ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย"




ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับหลายๆ คนแล้วโดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาที่แบบว่ายากจะแก้ ต้องทำใจอย่างเดียวเลยหรอเนี๊ย โอ้โหวถ้ามันจะลำบาก และสูญเสียความมั่นใจขนาดนี้เราจะไม่ทนค่ะ เพราะว่าวันนี้เรามีเกร็ดความงามที่สาวๆ ต้องรู้เกี่ยวกับ งาดำ และ ข้าวสีนิล "ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย" มาฝากสาวๆ กันค่ะ อะๆ สนใจขึ้นมาแล้วหล่ะสิท่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะรอช้าอยู่ใยหล่ะค่ะวันนี้เรานำ ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย มาบอกกันแล้ว สาวๆ ถ้าพลาดนี้จบเลยนะค่ะจบเลย เอาเป็นว่าตอนนี้เตรียมตัววางภาระกิจต่างๆ ลงแล้วเราไปสร้างความสวยอย่างมั่นใจในแบบฉบับ ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย กันเลยดีกว่าค่ะ เพราะตอนนี้มั่นใจแล้วค่ะว่าสาวๆ ทั้งหลายคงอยากที่จะรู้แบบประมารณว่าตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่แล้วว่า ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยนี้จะน่าสนใจแค่ไหน งั้นไปเลยจร้า Go...Go...Go!

แนะนำ ตัวช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย

วันนี้ขอแนะนำ“ข้าวสีนิล” ที่ใครหลายคนได้ยินแล้วอาจ นึกไม่ออกว่ามันคือข้าวอะไร แล้วจะไปหากินได้ที่ไหน?  ไม่ต้องตกใจไปค่ะ “ข้าวสีนิล” ก็คือ ข้าวสีม่วงเข้มจนเกือบดำ มีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับคำว่า อาหารชะลอวัย โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อผลไม้ราคาแพง เช่นพวก บลูเบอรี่ ราสเบอรี่่ ก็ได้รับคุณประโยชน์ที่มีเทียบเท่ากันเลยค่ะ
โดยข้าวสีนิล มีสาร “แอนโทไซยานิน” ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นประเภทเดียวกันกับที่มีใน องุ่นและพรุน แต่ในข้าวสีนิลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าในเบอร์รี่ถึง 3 เท่า และมากกว่าในวิตามิน E ถึง 5 เท่า และ”โปรแอนโทไซยานิน” ข้าวสีนิลจะยิ่งทำงานได้ดีขึ้นเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามิน อี ซึ่งเป็นการเข้าไปช่วยจัดการกับศัตรูตัวร้ายที่คอยทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนังโดยตรง จึงเป็นการลดริ้วรอยอันเกิดก่อนวัย ช่วยบำรุงผิว ให้สดใส อ่อนเยาว์อยู่เสมอ

และอีกตัวช่วยที่สำคัญในการช่วยชะลอวัย อย่างได้ผลก็คือ “งาดำ” สาวๆ คงจะพอรู้จักกันและเคยได้ยินประโยชน์มาบ้างแล้ว แต่สาวๆ รู้ไม๊คะ ว่า “งาดำ” เนี้ยมีประโยชน์มากๆ จนถูกให้ฉายาว่าเป็นเป็นราชาของธัญพืชเลยทีเดียว โดยเฉพาะในด้าน การต่อต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินอี สูง เพราะนอกจากจะช่วยให้เรามีผิวพรรณที่สดใสอ่อนกว่าวัยแล้ว ยังทำให้เส้นผมดกดำเป็นประกายอีกด้วย
เพื่อให้การต่อต้านอนุมูลอิสระมีประสิทธิภาพมากขึ้น การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารหลายๆประเภท จะให้ผลในการป้องกันมากกว่าการได้รับจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง เนื่องจากมีฤทธิ์สร้างเสริมกัน ทำให้ธัญพืชที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อได้รับร่วมกัน  ดังนั้น เมื่อรับประทานงาดำคู่กันกับข้าวสีนิลจึงเป็นการส่งผลแบบทวีคูณเป็น Super Antioxidant ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอย และ บำรุงให้ผิวดูอ่อนเยาว์ดูดีได้ง่ายๆ ทุกวัน สาวๆลองหามารับประทานเป็นประจำก็จะหมดกังวัลเรื่องผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยก่อนวัยอย่างแน่นอน ดูแลตัวเองแบบดับเบิ้ลก็ดูดีแบบดับเบิ้ลนะคะ






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



      7 นิสัยทำร้ายสุขภาพ





นิสัยของคนเรานั้นก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป เพราะโลกใบนี้มีคนอยู่หลายสิบล้านคนจะให้มามีนิสัยเหมือนกันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ แล้วอีกอย่างนิสัยนั้นก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนนั้นรู้ดีว่าแก้ยากมากๆ บางคนนี้สัยไม่ดีอาจทำร้ายตัวเองและทำให้คนรอบข้างถึงขั้นเกียจได้ เพราะฉะนั้นในบางทีคนที่จะรักจะชอบก็อยู่ที่นิสัยของเรานี้แหละค่ะ แต่ค่ะแต่ยังมีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับนิสัยแบบสุดๆ นั้นก็คือ นิสัยทำร้ายสุขภาพนั้นเองค่ะ อะไรกันเนี๊ยนิสัยจะมาทำร้ายสุขภาพได้อย่างไร ไม่จริงหรอก โอ๊ะโอ...นี้คือเรื่องจริงค่ะ นิสัยทำร้ายสุขภาพได้จริงๆ ค่ะ แล้วตอนนี้ก็เชื่อแล้วว่าหลายๆ คนนั้นอยากที่จะรู้แล้วว่า นิสัยทำร้ายสุขภาพนั้นคือนิสัยอะไรกันแน่ อะงั้นเราจะไม่มัวรอช้านะค่ะเสียเวลาเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูกันดีกว่าว่านิสัยทำร้ายสุขภาพมีนิสัยอะไรบ้างแล้วคุณหล่ะค่ะมี นิสัยทำร้ายสุขภาพ แบบนี้อะป่าว

นิสัยทำร้ายสุขภาพ

1. ไม่ใช้ไหมขัดฟัน 
การไม่ใช้ไหมขัดฟันทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับเหงือก และส่งผลให้สุขภาพฟันไม่แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าท็อกซินจากแบคทีเรียบริเวณเหงือกสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและอาจทำให้เป็นโรคหัวใจได้
2. นอนทั้งยังใส่คอนแทคเลนส์ 
มีการศึกษาพบว่าการนอนทั้งที่ยังมีคอนแทคเลนส์อยู่เพิ่มการติดเชื้อที่ดวงตาถึง 10 เท่า
3. ไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง 

การนอนทั้งที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางนั้นเป็นการเพิ่มอัตราป่วยเป็นภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวกระตุ้นการเกิดสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นพื้นฐาน
4. ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ 

การสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำเป็นการลงน้ำหนักตัวที่ไม่สมดุล มีผลเสียต่อกระดูกและกล้ามเนื้อขาและเท้า อาจทำให้ข้อเสื่อมก่อนวัยได้
5. เคี้ยวหมากฝรั่งทั้งวัน 

หากเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีซอร์บิทอลตลอดทั้งวัน อาจทำ ให้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือเกิดอาการท้องเสียได้
6. ทาครีมกันแดดทุกวัน 

การทาครีมกันแดดต่อเนื่องเป็นตัวลดจำนวนวิตามินดีที่ ร่างกายจะสร้างขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งทำให้เกิดอาการเครียดหรือเป็นโรคกระดูกพรุนตามมา
7. โทรศัพท์ก่อนนอน 
ตามรายงานของนักวิทยาศาสตร์ประเทศสวีเดน รังสีที่แผ่ออก จากเครื่องโทรศัพท์มือถือ ทำให้นอนไม่หลับหรือไม่สามารถหลับลึกได้ และทำให้รู้สึกปวดหัวได้






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




แนะนำ...เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นปาก




กลิ่นปากเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่แบบว่าไม่มีใครอยากจะเจอ แต่ว่ากลิ่นปากนี้ก็มีกันทุกคนนะค่ะ ขึ้นอยู่ที่ว่าใครที่จะใช้วิธีแก้ปัญหานี้ในแบบไหนบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งบางวิธีก็ได้ผล บางวิธีก็ยุ่งยากเกินไป ไม่ทำหรอก แค่บางคนนี้แค่แปรงฟันวันหล่ะสองครั้งก็บอกว่ามากไปแล้ว แต่รู้ไหมค่ะว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่แก้ง่ายมากๆ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะรู้เคล็ดลับหรือวิธีที่ได้ผลไหม แต่สำหรับเราไม่มีวันยอมให้คุณเหนื่อยและลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะว่าวันนี้เราจะมาแนะนำ...เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นปาก  ด้วยวิธีที่ง่ายแสนง่ายให้ได้รู้กันค่ะ รับรองว่างานนี้ความมั่นใจที่เคยหมดไปกลับมาเกินร้อยอย่างแน่นอนจร้า อยากรู้แล้วหล่ะสิค่ะว่า เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นปากที่เราได้นำมาฝากนี้จะเป็นแบบไหน และจะง่ายอย่างที่บอกไหม งั้นเอาเป็นว่าเราให้คุณไปพิสูจน์ เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นปาก ด้วยตัวคุณเองเลยดีกว่านะค่ะ

เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นปาก

1. ขูดลิ้นหลังแปรงฟัน 
งานวิจัยจาก School of Dentistry University of Minnesota ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของปัญหากลิ่นปากมาจากลิ้น เพราะมีความชื้นพอเหมาะต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ฉะนั้นจึงควรขูดบริเวณโคนลิ้นหลังแปรงฟันเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย

2. กินส้ม 1 ผลหลังอาหาร 
ส้ม หรือผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว และสับปะรด ซึ่งมีกรดซิตริกสูง ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำลายออกมากำจัดแบคทีเรียในช่องปาก

3.กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน
โดยเลือกรสธรรมชาติ หรือชนิดที่มีน้ำตาลต่ำ เนื่องจากในโยเกิร์ตมีแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus ที่ช่วยลดปริมาณแบคทีเรียสาเหตุของกลิ่นปาก
4. เคี้ยวกานพลู 1 ดอก 
เพราะสารยูจินอล (euginol) ในกานพลูมีฤทธิ์กำจัดแบคทีเรียในช่องปาก หลังมื้ออาหารแนะนำให้เคี้ยวกานพลูหนึ่งดอก จนหมดกลิ่นน้ำมันหอมระเหยแล้วจึงคายทิ้ง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันกานพลูหรือผงกานพลู เนื่องจากมีฤทธิ์แรงเกินไป อาจทำให้เยื่อบุช่องปากระคายเคือง
5. งดอาหารกลิ่นแรง 

ไม่กินจุ และทำดีท็อกซ์ขจัดท็อกซินในระบบย่อยอาหารตามที่ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำด้วยค่ะ






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย
เพิ่มคำอธิบายภาพ


   แอลมอนด์กับน้ำผึ้ง "ตัวช่วยสำหรับแก้อาการเจ็บคอ"



อาการเจ็บคอเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าเบื่อมากๆ และเชื่อว่าหลายๆ คนนั้นก็คงที่จะเคยพบเจอกับปัญหานี้ ซึ่งบอกตรงๆ เลยนะค่ะว่าอาการเจ็บคอนั้นทรมานและหายยากมากๆ บางรายหมดยาไปก็หลายแล้วอาการเจ็บคอนี้ก็ยังไม่หายหรือไม่ดีขึ้นเลย แล้วเห็นว่าส่วนใหญ่วิธีง่ายๆ ที่หลายๆ คนใช้ก็คือมะนาวผสมน้ำผึ้น ถ้าจะว่าไปนี้คงเป็นวิธีรักษาแบบสมัยโบราณไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรบางคนที่ลองวิธีนี้ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไปจริงไหมหล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ ก็เลยหา ตัวช่วยสำหรับแก้อาการเจ็บคอ มาแนะนำกันค่ะนั้นก็คือ แอลมอนด์กับน้ำผึ้ง นั้นเองคร้า 555 ไม่อยากเชื่อหล่ะสิท่าว่า แอลมอนด์กับน้ำผึ้งนั้นจะเป็นตัวช่วยสำหรับแก้อาการเจ็บคอได้บอกเลยว่าได้ค่ะได้ชัวร์ๆ ถ้าเกิดว่าไม่เชื่อนะค่ะงั้นเราไปดูและไปทดลองทำตามตัวช่วยสำหรับแก้อาการเจ็บคอที่เรานำมาฝากนี้กันเลยดีกว่าค่ะ เอ! จะเอาแอลมอนด์กับน้ำผึ้งมาทำอะไรน๊า...ไปดูๆ

แนะนำ ตัวช่วยสำหรับแก้อาการเจ็บคอ

อาหารสุขภาพที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือ “อัลมอนด์อบ” กลิ่นหอม รสมัน ที่ถูกอกถูกใจวัยรุ่นทั้งหลาย เพราะอัลมอนด์มีสรรพคุณช่วยเยียวยาอาการอักเสบบวมได้ กินกับ “น้ำผึ้ง” ที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อด้วย
วิธีทำก็ง่ายๆ เลยค่ะ ให้นำอัลมอนด์มาบดหยาบ ๆ ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วตักกินให้หมด นอกจากอร่อยแล้ว อาการเจ็บคอก็จะหายในเร็ววันด้วยล่ะค่ะ







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย


     แนะนำ...เคล็ดลับแก้อาการแฮงค์





อาการแฮงค์เป็นอีกหนึ่งอาการที่เชื่อว่าหลายๆ คนเคยเป็น อาการแฮงค์นั้นเกิดจากการที่เราดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งหลายๆ คนนั้นรู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ไม่รู้ก็คือเมื่อเราแฮงค์แล้วจะทำอย่างไร บางคนจัดหนักตอนกลางคืนพอตอนเช้ามาลุกไปทำงานหรือไปทำธุระแบบมึนๆ โอ้วเป็นแบบนี้ก็แย่เลยอะสิค่ะ โดนเฉพาะคุณผู้ชาย ปัญหาแบบนี้เจอบ่อยมากๆ วันนี้ จะมาแนะนำ...เคล็ดลับแก้อาการแฮงค์ ให้ได้รู้กันค่ะ สำหรับ เคล็ดลับแก้อาการแฮงค์ นี้ก็เป็นเคล็ดลับง่ายๆ แต่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ แล้วยิ่งหนุ่มๆ ทั้งหลาย คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยนะค่ะขอบอก เผื่อแบบหนีแฟนสาวๆ ไปตื๊ดๆ จะได้ไปแบบไม่ต้องกังวล เพราะกลับมาเรามั่นใจว่ากลับมาเธอจะจับคุณไม่ได้แน่นอนค่ะ อิอิ งั้นเอาเป็นว่าตอนนเราไปดู เคล็ดลับแก้อาการแฮงค์ กันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะช่วยให้หลังจากคืนหนักของคุณหายไปไหม ไปดูกันเลยจร้า

เคล็ดลับแก้อาการแฮงค์

หากรู้ว่าเย็นวันไหนต้องออกไปสังสรรค์เสวนาที่มีสุรา นารี พาชี กีฬาบัตร ฯลฯ ก่อนเข้างาน ควรจะรองท้องด้วยอาหารที่มีไขมันดีๆไว้ก่อน อาจจะดื่มนมสักแก้วก็ได้ อย่าเข้าไปในงานทั้งที่ยังท้องว่าง
ขณะที่อยู่ในงานปาร์ตี้ ลองหันมาจิบน้ำหรือเครื่องดื่มเบาๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของแก๊ส เช่น โซดา น้ำอัดลม หรือแอลกอฮอล์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว และพยายามเตือนตัวเองไว้เสมอว่าให้ดื่มแต่พอประมาณ

เลิกงานแล้ว(ไปต่อที่ไหนดี ยังไม่สว่าง) ถ้าเป็นไปได้หาโอกาสเดินกลับบ้านเพื่อสูดอากาศสดชื่นตอนกลางคืน ก็พอจะลดอาการเมาค้างได้บ้าง แต่ถ้าทไม่ได้ควรเรียกแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง หรือให้เพื่อนขับไปส่ง (หรือไม่ก็เปิดห้องพักค้างคืนไปเลย) ท่องเป็นคาถาไว้เลยว่า “เมาไม่ขับ”

ก่อนนอน ควรดื่มน้ำ หรือน้ำส้ม น้ำผสมวิตามินซี เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในตับ และลำไส้เล็ก อย่าลืมกินขนมปังปิ้งก่อนนอนสักนิด หรือดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่สำหรับนักกีฬาก็ได้
ตื่นขึ้นมา ควรกินอาหารเช้าจำพวกที่มีโปรตีน อย่าง ไข่ดาว น้ำส้ม หรือ น้ำหวาน เพราะแอลกอฮอล์ทำให้สมองขาดน้ำตาล  ก็จะช่วยกวาดล้างสารเคมีจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในตับได้

ไม่ต้องวิตกเกินไปถ้ารู้สึกปวดหัวแทบแตก แค่กินยาแก้ปวดเข้าไป นอนพักอีกนิด อาการเมาค้างจะอยู่กับเราไม่นาน แค่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง มันก็โบกมือลาแล้ว อดทนเข้าหน่อย เดี๋ยวพอมีแรงก็จะออกไปต่องานหน้าได้อีก (ถอน ๆๆ)






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




เผย...เคล็ดลับการมีสุขภาพดี แม้ต้องอดนอน





อย่างที่เรารู้กันดีว่าการอดหลับอดนอน หรือการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นจะทำให้ร่างกายของเราและสุขภาพที่แย่ง แต่เนื่องจากหลายๆ คนนั้นมีหน้าที่การงานที่แบบว่าเยอะมากๆ จนในบางวันต้องอดหลับอดนอน แน่นอนว่าถ้าเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ร่างการของคุณก็จะดูแย่และทรุดโทรมลง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เราจะยอมให้สุขภาพของเราแย่ลงอย่างนั้นหรอค่ะ ต้องไม่เป็นเช่นนั้นสิ เพราะสุขภาพของเราสำคัญที่สุด วันนี้ ก็เลยจะมา เผย...เคล็ดลับการมีสุขภาพดี แม้ต้องอดนอน ให้คุณๆ ทั้งหลายได้รู้กันค่ะ แต่ขอแอบกระซิบหน่อยนะค่ะว่า เคล็ดลับการมีสุขภาพดี เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับง่ายๆ ที่หลายๆ คนนั้นควรที่จะรู้ รับรองว่า เคล็ดลับการมีสุขภาพดี จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนอย่างแน่นอนเลค่ะ อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู เคล็ดลับการมีสุขภาพดี แม้ในวันที่ต้องอดนอนกันเถอะค่ะว่า เคล็ดลับการมีสุขภาพดี ที่เรานำมาฝากนี้จะช่วยคุณได้แค่ไหน ต่อไปนี้ไม่ว่าจะต้องอดนอนก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกแล้วค่ะ

เคล็ดลับการมีสุขภาพดี

อาหารมื้อเย็นสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยให้เราอยู่ดึกได้โดยที่ไม่หมดพลัง สำหรับคนที่อดนอนควรกินอาหารที่อุ่นๆ ย่อยง่ายๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำธัญพืช ปลา ผัก และผลไม้สด เพื่อเพิ่มความสดชื่น อย่างไรก็ตาม หลังจากกินอาหารเหล่านี้ไปแล้วอาจรู้สึกหิวเร็ว ระหว่างนี้ให้กินผลไม้ หรือโยเกิร์ต ควบคู่ไปด้วย

หากเกินเวลาเที่ยงคืนไปแล้วไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟ
 เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวนอนไม่หลับ วิงเวียนศีรษะ หรือ ดื่มนมวัว เพราะมีไขมันสูงย่อยยากใช้เวลาในการย่อย 3-4 ชั่วโมง จะเป็นการรบกวนกระเพาะอาหาร
หากตื่นเช้ามาหลังจากการนอนดึกแล้วรู้สึกเพลีย ไม่สดชื่น ให้ใช้ วิธีอาบน้ำหรือแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ประมาณ 3 นาที และอาบน้ำเย็น ๆ อีก 2 นาทีสลับไปมา 3 รอบ จะทำให้ร่างกาย กระฉับกระเฉงขึ้น มากกว่า การดื่มกาแฟ 1 แก้วเสียอีก
ไม่ควรพยายามชดเชยด้วยการนอนตื่นสาย
 เพราะร่ากายจะยิ่งเซื่องซึม สมองก็จะล้า ทางที่ดีควรจะตื่นนอนตามเวลาปกติที่ร่างกายเคยชินแล้วเติมความสดชื่นด้วย วิตามินซีและบี เพราะการอดนอนจะทำให้ระดับฮอร์โมน จากต่อมไพเนียลปั่นป่วนทำให้เกิดความเครียดได้ จึงต้องรับประทานวิตามินเพื่อคลาย เครียด

ทานอาหารประเภทที่ทำให้กระปรี้กระเปร่า
 ได้แก่ ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะ น้ำส้มคั้น สด ๆ แต่ถ้าจะให้ดีควรกิน องุ่นแดง ทั้งเปลือก และเมล็ด เพราะมีโอพีซี ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าวิตามินซี 20 เท่าและ วิตามินอี 50 เท่า





วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




      มะเขือเทศ "ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว




วันนี้เราจะมาเปิดประเด็ดเอาใจคนรักสุขภาพกันโดยตรงเลยดีกว่า สิ่งที่ทำให้คนเรามีสุขภาพที่ดีแข็งแรงนั้นก็คือผักและผลไม้นั้นเอง ซึ่งผักบางชนิดเราก็รู้นะว่ามันมีประโยชนอะไรต่อร่างกาย แต่แบบในบางชนิดเราก็ไม่รู้เลยจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีประโยชน์นะค่ะ บางชนิดก็มีประโยชน์มากกว่าที่เราเคยรู้มาเสียอีก 1 ในนั้นที่ว่าก็คือมะเขือเทศนั้นเองค่ะ อะไหนรองถามก่อนรู้ไหมค่ะว่ามะเขือเทศนั้นมีประโยชน์อะไร ติ๊กต๊อก....ติ๊กต๊อก....ติ๊กต๊อก....ติ๊กต๊อก....ติ๊กต๊อก.... อะไม่เป็นไร ที่ไม่รู้ก็แล้วไป แต่สิ่งที่วันนี้ อยากจะบอกเกี่ยวกับมะเขือเทศนั้นก็คือว่ามะเขือเทศนั้นเป็น "ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว ที่หลายคนนั้นนึกไปถึงเลยหล่ะเจ้าขา ไม่ต้องตกใจค่ะนี้เป็นเรื่องจิง แต่ว่ารายละเอียดที่เกี่ยวกับ "ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว อย่างมะเขือเทศเนี๊ย เราจะยังไม่บอกนะค่ะ ถ้าใครอยากรู้ก็ต้องเข้ามาอ่านข้อมูลของ "ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว ที่เรานำมาฝากนี้ดูนะค่ะว่าทำไมมะเขือเทศนั้นถึงได้กลายเป็น "ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว ไปได้

"ยาบำรุงหัวใจ" ใกล้ตัว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชาวอังกฤษได้ฮือฮากับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวใหม่ชื่ออาเธอโรนอน ที่สกัดเอาสารไลโคปีนจาก มะเขือเทศ มาบรรจุในแคปซูล โดยฝีมือคิดค้นของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ว่ากันว่า มะเขือเทศ แคปซูล นี้ช่วยป้องกันโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองแตกได้ เพราะสารประกอบไลโคปีนจะออกฤทธิ์ต้านไขมันร้ายแอลดีแอลไม่ให้ไปพอกตัวสะสมตามหลอดเลือดหัวใจ เมื่อหลอดเลือดสะอาดไม่มีคราบไขมันเกาะ จึงไม่มีความเสี่ยงโรคต่างๆเกี่ยวกับหัวใจและสมองนั่นเอง

แม้ตอนนี้ แคปซูล มะเขือเทศ จะยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาไม่ถึงเมืองไทย แต่เราก็ดูแลตัวเองได้ ด้วยการรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำค่ะ







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



      เห็ดหลินจือแดง ..... เคล็ดลับชะลอความแก่





อายุเป็นเพียงตัวเลขอันนี้อะเข้าใจ แต่แบบว่ายิ่งอายุมากขึ้นสถาพร่างกายภายนอกก็ปรับเปลี่ยนไปตามอายุ หรือเรียกอีกอย่างว่า เริ่มแก่แล้วจร้า รู้มั้ยคำว่าแก่ฆ่าคนตายได้เลยน๊า โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าใครมาว่านางแก่นะ หืมม ลมแทบจับ อิอิ แล้วทีนี้เมื่อรู้ว่าอายุมากขึ้นเราจะช้าอยู่ได้อย่างไรค่ะ อะไรที่เป็น เคล็ดลับชะลอความแก่ ไม่ว่าจะหายาก หรือลำบากแค่ไหน สาวๆ ก็ไม่หวั่นค่ะบ่อตง แต่เคล็ดลับชะลอความแก่นี้มันก็มีเยอะอะ แล้วบางวิธีก็แบบเอิ่ม สิ้นเปลืองไปมั้ย เอาแบบว่าเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ลำบาก แต่ได้ผล โดเยเฉพาะค่าใช่จ่ายน้อยสาวๆ จะฟินเป็นพิเศษมีมั้ย ถามว่ามีไหม มีค่ะเพราะว่าวันนี้สิ่งที่  จะมาบอกสาวๆ นั้นก็เป็นเรื่องราวของเห็ดหลินจือแดง ..... เคล็ดลับชะลอความแก่ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมหล่ะค่ะว่าเห็ดหลินจือแดงจะเป็น เคล็ดลับชะลอความแก่ ที่สาวๆ หลายๆ คนต้องการ อะงั้นก็อย่าช้าเลยใจร้อนละ อยากจะรู้แล้วว่าเราต้องไปทำอย่างไรกับเจ้าเห็ดหลินจือแดงนี้ดี แล้วจะเป็น เคล็ดลับชะลอความแก่ ได้อย่างไร ไปดูกันเลยจร้า

เผย เคล็ดลับชะลอความแก่

ชะลอแก่ แบบปรับสมดุล ด้วย เห็ดหลินจือแดง
การหายใจและเผาผลาญอาหารของร่างกาย มีผลให้เกิด อนุมูลอิสระ ที่มักจะไปรวมตัวกันในจุดสำคัญของร่างกาย และทำให้เกิดปัญหาต่อระบบร่างกาย นั่นคือ มีผลต่อสมอง ระบบความจำ มะเร็งสมอง การทำงานของหัวใจ และ กล้ามเนื้อหัวใจ รวมไปถึง ปัญหาผิวหนัง สาเหตุของความชรา รอยเหี่ยวย่น ตีนกา ทั้งหน้าตาและรูปร่าง รวมถึงอวัยวะภายใน
ทำไมต้อง เห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือแดงนั้น เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาสูงสุด เพราะมีสารโพลีแซคคาไรด์มากกว่า ต่างจากเห็ดหลินจือทั่วไป ที่มีกว่า 100 ชนิด เห็ดหลินจือแดงต้องดูแลการเพาะปลูกอย่างดีด้วยเทคนิคปลูกบนขอนไม้ดินธรรมชาติ ปราศจากสารเจือปนใดๆ โดยปกตินั้นเติบโตยาก แต่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆที่สามารถปลูกและสกัดสารจากเห็ดหลินจือแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การผลิตเห็ดหลินจือแดงมีมาตรฐานและได้สารออกฤทธิ์ ช่วยให้ร่างกายดูดซับคุณค่าได้มากที่สุด

เห็ดหลินจือแดง ดูแลทั้งระบบ ปรับสมดุลภายใน
นอกจากชะลอแก่แล้ว เห็ดหลินจือแดง ยังมีสรรพคุณทางยาในการบำรุงร่างกายอีกมากมาย
-ป้องกันตับและช่วยดูแลตับให้ทำลายสารพิษที่เข้ามาในร่างกา
ย ทั้งจากอาหารและยาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เป็นพิษต่อตับ
-เพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนโลหิต ปรับความดันโลหิตให้เข้
าสู่ปกติได้
-เปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงาน ลดภาวะเบาหวาน ที่เสี่ยงต่อการไตวาย หัวใจวาย
 เห็ดหลินจือแดงจึงเหมาะสำหรับผู้เป็นเบาหวานด้วย
-ลดความอยากน้ำตาลและแอลกอฮอล์ เพราะการรับประทานน้ำตาลมากไป มี
ผลโดยตรงต่อการทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นง่าย ตัวการความชรา และเหมาะกับผู้เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังที่ทำให้เกิดโรคตับแข็ง
-เสริมระบบภูมิต้านทาน
 ช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย และ เซลล์ก่อมะเร็ง
-เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
 ลดความอ่อนเพลีย นอนหลับสนิท มีสมาธิ ควบคุมอารมณ์และร่างกายได้ดีขึ้น

และสำหรับในผู้ที่โตเต็มที่ ยังช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และยังลดไขมันในเส้นเลือด สลายไขมัน รอบเอว พุง ได้อีกด้วย
วิธีเลือกซื้อ เห็ดหลินจือแดง

ส่วนแรก ควรเลือกเห็ดหลินจือที่มาจากการเพาะปลูก ไม่ใช่จากธรรมชาติ เพราะเห็ดที่มาจากธรรมชาตินั้นอาจได้รับความหลากหลายจากสภาพแวดล้อมที่เติบโตขึ้น ซึ่งอาจไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนเท่ากับ เห็ดหลินจือแดงที่มาจากการเพาะเลี้ยงในโรงเรือน โดยมีองค์กรที่ดูแลโดยเฉพาะ ชื่อ JRA ( Japan Reishi Association ) ซึ่งจะตรวจสอบมาตรฐาน จนได้รับตรา JHFA คือ กระทรวงสุขภาพและสวัสดิการจากประเทศญี่ปุ่น ก่อนออกสู่ตลาด

ส่วนที่สอง ควรเลือกเห็ดหลินจือแดงที่เป็นสารสกัด ไม่ใช่การป่นให้เป็นผงแล้วนำไปบรรจุลงแคปซูล ซึ่งมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน และอาจเกิดการแพ้ในบางกรณีได้อีกด้วย จึงต้องเลือกที่ผ่านการตรวจสอบจากห้องปฎิบัติการวิจัยแห่งญี่ปุ่น Japan Food Research Laboratories ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในญี่ปุ่นในการวิเคราะห์สารเคมี ควบคุมด้านความสะอาด และประเมินคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน





วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



        เทคนิค "การใส่ส้นสูงอย่างไรไม่ให้ปวดเมื่อย"




รองเท้าส้นสูงเป็นอะไรที่ถูกสร้างมาให้เข้ากับผู้หญิงอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงเรานั้นจะมั่นใจเวลาที่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง จะรู้สึกว่าตัวเองดูสวยสง่า นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ ส่วนใหญ่มักเลือกที่จะใส่รองเท้าส้นสูง หรือว่าซื้อรองเท้าส้นสูง แต่รู้ไหมค่ะว่ากว่าจะสวยได้เนี๊ยนะสาวๆ อย่างเราต้องอดทนมากแค่ไหน เพราะว่าการใส่รองเท้าส้นสูงมีปัญหาตรงที่ว่าเราจะรู้สึกเมื่อล้า ปวดขาอย่างมากต้องเกรงเพื่อที่จะบังคับให้ทุกจังหวะการเดินและการทรงตัว ไม่เสียหลักนั้นเองค่ะ แต่นับจากนี้ปัญหากวนใจแบบนี้จะหมดไปจากสาวๆ แล้วเพราะว่าวันนี้มีเทคนิค "การใส่ส้นสูงอย่างไรไให้ปวดเมื่อย" มาแนะนำกันค่ะ เชื่อว่า การใส่ส้นสูงอย่างไรไม่ให้ปวดเมื่อย นี้เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่สาวๆ ยังไม่รู้ ต่อไปนี้สาวๆ ก็จะใส่ร้องเท้าส้นสูงได้อย่างสบายแล้วนะค่ะ อิอิ งั้นเอาเป็นว่าได้เวลาแล้วเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่า การใส่ส้นสูงอย่างไรไให้ปวดเมื่อย เนี๊ย เขาใส่กันอย่างไร

แนะนำ การใส่ส้นสูงอย่างไรไม่ให้ปวดเมื่อย

เลือกขนาดรองเท้าให้พอดีกับขนาดเท้าของคุณ 
ควรเว้นระยะห่างระหว่างรองเท้ากับปลายนิ้วประมาณ 1 ซม. ระหว่างส้นเท้ากับรองเท้าประมาณ 1 ซม. ด้วย และเลือกซื้อรองเท้าในตอนบ่ายจะดีที่สุด
คุณภาพของรองเท้า

นอกจากจะคำนึงถึงเรื่องรูปแบบของรองเท้าแล้ว สิ่งที่ห้ามลืมเลยคือคุณภาพของรองเท้าว่าทำมาจากวัสดุอะไร สามารถรองรับเท้าได้เต็มที่หรือไม่ คุณผู้อ่านอาจจะใช้ตัวช่วยด้วยแผ่นยางรองรองเท้าเพื่อช่วยลดแรงกระแทกระหว่างส้นเท้ากับพื้นรองเท้าได้ค่ะ โดยแผ่นยางนี้จะมีสำหรับเท้าหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเท้าแบน เท้าอูม เป็นต้น และความสูงที่เหมาะสมอยู่ที่ 1-2 นิ้ว เพราะถ้าสูงกว่านี้โอกาสที่ข้อเท้าจะพลิกนั้นมีสูง

อย่าใส่ส้นสูงทั้งวัน
คุณผู้อ่านควรหารองเท้าส้นเตี้ย หรือรองเท้าที่สวมสบายมาผลัดเปลี่ยนเพื่อให้เท้าของคุณได้พักผ่อนบ้าง

เดินอย่างไรเมื่อใส่ส้นสูง

ดันไหล่ไปด้านหลัง ปลายคางยกขึ้น สายตามองตรง หน้าอกยืดตัวขึ้น เกร็งหน้าท้อง แล้วเดินให้ขาอยู่แนวเดียวกัน เดินเบาๆ ใช้ปลายเท้าลงก่อนส้นเท้าโดยให้น้ำหนักอยู่ที่อุ้งเท้า” (ดร.เอมิลี่ แมรี่ สปลีคัล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเท้าจากนิวยอร์ก)

ด้วยทริคการเลือกรองเท้า 

และการเดินแค่นี้ก็ช่วยให้คุณสาวๆ เลือกใส่รองเท้าส้นสูงได้อย่างสบายอารมณ์แบบไม่ต้องกังวลเลยว่าจะทำให้รู้สึกปวดจนไม่อยากจะแตะอีกต่อไป






วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



       สาเหตุและวิธีแก้ "ปัญหากลิ่นปาก"





ปัญหากลิ่นปาก เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เลวร้าย รุนแรง และเป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพบเจอ เมื่อรู้ตัวว่ามี ปัญหากลิ่นปาก จะคุยกะใคร จะเข้าใกล้ใครก็แบบขาดความมั่นใจไปสะหมด แล้ว ปัญหากลิ่นปาก ที่เกิดขึ้นนี้มีใครที่พอจะทราบบ้างไหมหล่ะค่ะว่าจริงๆ แล้วนั้นมันเกิดจากอะไร ถ้าบอกว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก เอ้า! แล้วแบคทีเรียมาได้อย่างไร แล้วเมื่อเกิด ปัญหากลิ่นปาก สาวๆ จะทำอย่างไรกันหล่ะค่ะทีนี้ เอ้ากลุ้มเลย ไม่ต้องคิดมากไปหรอกค่ะ เพราะว่าวันนี้ ได้นำเอาสาเหตุและวิธีแก้ "ปัญหากลิ่นปาก" มาบอกกันค่ะ ก็เพราะรู้ว่าปากเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด และยิ่งบางคนที่แบบว่ามีอาชีพที่ต้องใช้ปาก บอกเลยว่าเกร็ดน่ารู้ของเราในวันนี้เหมาะกับคุณอย่างที่สุดค่ะ รู้สึกว่าเราจะโม้มาเยอะแล้ว งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราไปดู สาเหตุและวิธีแก้ "ปัญหากลิ่นปาก" กันเลยดีกว่าค่ะว่าจะเป็น

สาเหตุและวิธีแก้ "ปัญหากลิ่นปาก"

สาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก
- การไม่ดื่มน้ำหรือไม่รับประทานอาหาร ทำให้แบคทีเรียไม่ถูกชะล้างจึงเกิดกลิ่นปาก 
- โรคฟัน เช่นฟันผุ สุขลักษณะช่องปากไม่ดี มีการขังของเศษอาหารในช่องปาก 
- กลิ่นจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่น กาแฟ สุรา หอมใหญ่ กระเทียม พริก บุหรี่ 
- หายใจทางปากเนื่องจากเป็นหวัด 
- โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ คออักเสบ เป็นต้น 
- โรคบางชนิดเช่น โรคไต โรคตับ

การดูแลรักษากลิ่นปาก

- ให้รับประทานอาหรครบ 3 มื้อทุกวัน 
- ให้ดื่มน้ำมะนาวซึ่งจะเพิ่มปริมาณน้ำลาย 
- ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว 
- เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอมระหว่างมืออาหาร 
- แปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง และให้แปรงลิ้น 
- ขูดหินปูน 2 ครั้งต่อปี







วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย




           แปะก๊วย....อาหารช่วยบำรุงสมอง




แปะก๊วยนั้นเป็นที่รู้จักกันดีเพราะว่าเป็นขนมหวานของคนจีน และก็ยังเป็นส่วนประกอบของอาหารบางชนิดอีกด้วย แต่ก็ใช่ว่า แปะก๊วย จะมีประโยชน์เพียงเท่านี้นะค่ะ เพราะว่า แปะก๊วย เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีความพิเศษและมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ที่ทำให้ชาวจีนนั้นเชื่อว่า แปะก๊วย นี้เมื่อกินแล้วจะทำให้มีอายุยืน หรือที่เข้าใจว่า แปะก๊วย เป็นยาอายุวัฒนะนั้นเองค่ะ แต่ยังไม่หมดนะค่ะเพราะเรารู้มาอีกด้วยว่า แปะก๊วยอาหารช่วยบำรุงสมอง ได้อย่างดีเลยนะค่ะ  สาวๆหรือใครๆ ที่รู้ตัวว่าช่วงนี้ทำงานหนักไป สมองไม่ค่อยสั่งงานหลงๆ ลืมๆ ก็ลองให้ อาหารช่วยบำรุงสมอง อย่างแปะก๊วยนี้เป็นตัวช่วยดูสิค่ะ อะๆ แต่ก่อนอื่นนั้นเอาไปทำความรู้จักกับ แปะก๊วย....อาหารช่วยบำรุงสมอง นี้ให้ลึกซึ้งก่อนดีกว่านะค่ะ ว่าเป็นอย่างไร มีที่มาอย่างไร แล้วทำไมถึงได้มาเป็น อาหารช่วยบำรุงสมอง ได้อย่างไร โอ๊ยยย หลายคำถามละ งง เอาเป็นว่า ง่ายๆ สั้นๆ ได้ใจความ เราไปรู้จักกับ แปะก๊วยก่อนดีกว่าค่ะ

แนะนำ อาหารช่วยบำรุงสมอง

แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) ที่เราพบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะอบแห้ง มีเปลือกหุ้ม  ก่อนจะนำมาประกอบอาหารจะต้องแกะเปลือกออกก่อน เนื้อในแปะก๊วยจะเป็นสีเหลืองจะมีเยื้อเปลือกห่อหุ้มอีกทีเป็นสีส้มน้ำตาล  แม้ความจริงแล้ว แหล่งใหญ่ของสารที่มีคุณต่อสุขภาพนั้น กลับพบมากในส่วนของใบมากกว่าผลเสียอีก  

ใบแปะก๊วย
 มีลักษณะแยกเป็น 2 กลีบ คล้ายกังหันลม เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลาย จะพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวน (Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสองกลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ Bilobalides และ Ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้ ในปัจจุบัน เราจึงพบเห็นใบแปะก๊วยนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม วางขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก

แปะก๊วย ดูจะเป็นพืชสมุนไพรมหัศจรรย์จริงๆ เอาเป็นว่าได้กินแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์นักแล แถมยังอร่อยรสเลิศอีกต่างหาก หน้าร้อนนี้ ถ้าได้แปะก๊วยเย็นๆ (หรือร้อน แล้วแต่ความชอบ) เหนียวนุ่ม หวาน และไม่ขมสักถ้วย คงรู้สึกผ่อนคลายน่าดู แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ไหน ลองเดินเลาะเลียดไปตามถนนเยาวราช รับรองต้องมีสักร้านที่คุณต้องติดใจ