14/8/56

บทความเกี่ยวกับการดูแลสูขภาพความสวยความงาม





วิธีดูแลผิวพรรณ

บทความเกี่ยวกับ เทคนิค วิธีทำให้ผิวขาว ผิวสวย อย่างเป็นธรรมชาติ













  เทคนิค วิธีทำให้ผิวขาวใส่มีออร่าจ๊าา


วิธีดูแลผิวพรรณ

  

   



  เทคนิคการทำสวย ให้ 4 ส่วนใน   ร่างกาย






ความสวย เป็นเรื่องที่ไม่เขาใครออกใคร เรียกว่าเป็นกิเลตที่สาวๆ ปรารถนาเลยก็ได้ ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วคุณจะไม่มีทางหลุดพ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ ก็เพราะผู้หญิงเรามีสโลแกนประจำตัวกันอยู่ทุกคนว่า "เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย" เพราะฉะนั้นแล้วความสวยก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ของสาวๆ ไปแบบไม่รู้เนี้อรู้ตัวกันเลยทีเดียว แล้วสิ่งที่เราพบว่าสาวๆ มักจะเน้นสวยนั้นจะมีอยู่ 4 ส่วนในร่างกายคือ ผิวหน้า ผิวกาย ผม มือและเล็บ ทั้งหมดนี้สาวๆ ส่วนใหญ่จะเน้นสวยไว้ก่อน แล้ววันนี้ก็เลยได้นำเอา เทคนิคการทำสวย ให้ 4 ส่วนในร่างกาย มาฝากกันค่ะ เชื่อว่า เทคนิคการทำสวย นี้คงจะเป็นเทคนิคที่สาวๆ หลายๆ คนนั้นกำลังตามหาอย่างแน่นอนค่ะ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่า เทคนิคการทำสวย ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร แล้วจะได้ผลแค่ไหน

เผย เทคนิคการทำสวย

1. ผิวหน้า
- ถึงแม้คุณจะมีเวลาน้อยนิดเพียงใด
สิ่งที่ไม่ควรละเลยหรือข้ามขั้นตอนเลยคือ การทำความสะอาดใบหน้าอย่างหมดจดเสมอ โดยเฉพาะก่อนเข้านอน เพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเป้นสิวได้ เคล็ดลับสำคัญที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดใบหน้าก็คือ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรอบดวงตาสามารถช่วยคุณกำจัดคราบเครื่องสำอางและความสกปรกได้ภายในพริบตา เพียงแค่เทมันลงบนก้อนสำลี วางทับลงบนดวงตา รอซัก 5 วินาทีก่อนเช็ดออกทางด้านข้าง ถ้าคุณใช้มาสคาร่าหรืออายไลเนอร์ให้เช็ดซ้ำอีกครั้ง โดยหมุนก้อนสำลีเป็นวงกลมแล้วเช็ดลงด้านล่าง จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางเช็ดให้ทั่วใบหน้า ผิวคุรก้จะสะอาดพอสมควรแล้วในระดับหนึ่ง แต่หากคุณต้องการล้างหน้าด้วยนำ้สะอาดอีกครั้งก็ไม่ว่ากัน

- ถ้าคุณทำความสะอาดผิวหน้าอย่างดีแล้ว

การล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือ การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและการปกป้องแสงแดด คุณสามารถเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ผสมสารป้องกันแดดเพื่อการประหยัดเวลา และสามารถเติมรองพื้นลงไปเล็กน้อยในมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ผิวหน้าเรียบเนียนได้ในขั้นตอนเดียว หรือเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แบบเจือสีก็ได้เช่นกัน
- เพื่อแก้ปัญหาตาบวมอย่างทันใจ
ลองใช้ถุงชาที่ชงแล้วแช่เย็นโปะลงบนตาเป้นเวลา 10-20 นาที มันจะช่วยบรรเทาอาการตาบวม และทำให้ตาระคายเคือง หรือแตงกวาฝานแช่เย็น มันฝรั่งดิบฝาน(เอาไปแช่น้ำก่อนแช่เย็น) หรือช้อนแช่เย็น ก็จะได้ผลแบบเดียวกัน

2. เส้นผม

- ถ้าคุณไม่มีเวลาสระผม
และอยากขจัดความมันเยิ้มของเส้นผมออก คุรคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้ใช้แป้งเด็กโรยที่โคนผมเพื่อดูดซับความมัน แต่การใช้แป้งเด็กมากเกินไป อาจทำให้ผมของคุณกลายเป็นสีเทาได้ ลองเปลี่ยนมาใช้แป้งฝุ่นแบบไร้สีแทน โรยเฉพาะที่โคนผม และอย่าใช้มากเกินไป จากนั้นแปรงออกเบาๆ อย่าแปรงแรงนัก เพราะมันมีแต่จะกระตุ้นรากผมให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น
- ถ้าไม่มีเวลาในการเป่าไดร์ผมทั้งศีรษะ
ลองไดร์ผมเฉพาะรอบๆใบหน้าและบริเวณแสกผม ซึ่งเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด
- เติมความพองสวยให้เส้นผมภายในพริบตา

ด้วยการก้มตัวลง ฉีดสเปรย์ที่โคนผมแล้วแปรงผมเบาๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้น เส้นผมจะพองตัวสวยในทันที

- การเตรียมพร้อมช่วยลดเวลาแต่งผมของคุณในตอนเช้า

โดยหลังจากสระผมเสร็จแล้วเป่าไดร์จนผมเกือบแห้ง ใส่ผลิตภัณฑ์แต่งผมเล็กน้อยตามต้องการ แ้วใช้ดรลขนาดใหญ่ม้วนผมหรือมัดผมเปนเกลียว แล้วเข้านอนทั้งอย่างนั้น พอตอนเช้าหลังแกะโรลม้วนผมออก ใช้แปรงกลมขนาดใหญ่เป่าไดร์ผมอีกเล็กน้อย คุรจะได้ผมที่เรียบตรงและมีวอรุ่มสวยงาม สำหรับผมหยิกเมื่อแกะผมที่มัดเกลียวเอาไว้ ให้ใช้นิ้วมือสางเล็กน้อย คุณก็จะได้ลอนผมนุ่มสลวยทันที
3. เรือนร่าง
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเครื่องดิ่มขับสารพิษ ต้มน้ำและเติมน้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก และดื่มตอนที่ยังร้อน เครื่องดื่มร้อนนี้จะช่วยทำความสะอาดระบบร่างกาย ถ้าผิวของคุณต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มเป็นพิเศษ และมอยเจอร์ไรเซอร์ตามปกติใช้เวลานานกว่าจะซึมซับเข้าไป ลองชโลมคอนดิชั่นเนอร์ใส่ผมลงบนผิวในระหว่างอาบน้ำแล้วนวดให้มันซึมเข้าผิว ล้างออกให้สะอาด อย่าใช้น้ำร้อนจัด เพราะจะทำลายผิว ใช้น้ำอุ่นๆ แล้วสุดท้ายราดด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน

4. มือและเล็บ
- รู้หรือไม่ว่าลิปบาล์มสามารถใช้เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่หนังข้างเล็บได้
ลองใช้ลิปบาล์มธรรมชาติที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์และวิตามินอีจะได้ผลดีที่สุด

- ถ้าคุณอยากทำเล็บสไตล์ French-Manicure แต่มีเวลาไม่มากนัก
ลองใช้ดินสอสีไฮไลต์สีขาวเขียนที่ด้านล่างของปลายเล็บ แล้วทาด้านบนเล็บด้วยยาทาเล็บสีใส คุณก็ได้เล็บแบบ French-Manicure แล้ว





วิธีดูแลผิวพรรณ

     

เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย....เริ่มต้นด้วยการขัดผิว






เอาหล่ะค่ะ วันนี้เรามีคำถามเกี่ยวกับการมีผิวสวยมาฝากกันค่ะ สาวๆ คนไหนที่อยากมีสุขภาพผิวที่เนียนสวยบ้างค่ะ กดไลค์จิ อิอิอิ  โอ้โห คำถามนี้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่แบบว่าไม่น่าถามเอาเสียเลย ถ้าแบบว่าพูดถึงเรื่องของความสวยความงามแล้วหล่ะก็คุณสาวๆ สนใจกันอยยู่แล้วหล่ะค่ะ รวมถึงเรื่องผิวด้วย แต่เชื่อว่าตอนนี้สาวๆ คงเกิดคำถามแแล้วว่าอีกนานไหมกว่าที่จะแนะนำ เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย สักทีรอจนจะโมโหแล้วหล่ะสิท่า ใจเย็นๆ นะค่ะใจเย็นๆ แหม่ถ้าเรื่องความสวยความงามรู้ช้านิดช้าหน่อยถึงกับมีอารมกันเลยทีเดียว อะงั้นบอกเลยวันนี้เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย....เริ่มต้นด้วยการขัดผิวมาฝากกันจร้า 555 แค่บอกว่า เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย สาวๆ ก็คงจะฟินกันแล้วแน่ๆ งั้นเอาเป็นว่าตอนน้เราดู เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย....เริ่มต้นด้วยการขัดผิว กันแบบเต็มๆ เลยจร้า

เคล็ดลับการมีผิวเนียนสวย

ข้อดีของการขัดผิว ก็คือ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกตามรูขุมขน และช่วยให้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่เราทาผิวซึมซาบเข้าบำรุงผิวได้ดีขึ้น ให้สาวๆ เผยผิวสดใสสุขภาพดีกันได้อย่างมั่นใจ

สำหรับขั้นตอนการขัดผิวที่ถูกวิธี มีดังนี้เลย

เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดผิว…ควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดผิวชนิดที่เป็นครีมหรือเจล โดยเนื้อสครัปสำหรับผลิตภัณฑ์ขัดผิวนั้นควรมีลักษณะเป็นเม็ดกลม เพื่อลดกระระคายเคืองในขณะขัดนวด 

เตรียม ใยบวบ หรือ แปรงผิว อุปกรณ์สำคัญสำหรับการขัดผิว สำหรับใยบวบควรแช่น้ำเอาไว้ให้นุ่มๆ ก่อนการใช้งานทาผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวลงบนผิวหนังที่มีความชื้นพอหมาด จากนั้นใช้ใยบวบขัดในลักษณะวนเป็นวงกลม เบาๆ บนผิวเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต อย่าออกแรงขัดมากเกินไปนะคะ เพราะแรงเสียดสีของเนื้อสครัปและใยบวบจะทำให้แสบผิวได้  ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน เช็ดตัวให้แห้งแล้วตามด้วยครีมบำรุงผิว เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ
Tip เล็กๆ ทำสูตรขัดผิวไว้ใช้เองที่บ้าน 

1. น้ำผึ้ง  5 ช้อนโต๊ะ
2. เกลือ  2
 ช้อนโต๊ะ
3. มะขามเปีย
ก  5 ช้อนโต๊ะ 

เทส่วนผสมในสูตรทั้งหมดลงในถ้วย คนให้เข้ากันแล้วนำมาขัดผิวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ลดรอยหยาบกร้านของผิวกาย เน้นการขัดบริเวณที่หยาบกร้านอย่างข้อศอก เข่า ตาตุ่ม ให้มากกว่าส่วนอื่นๆ อีกทั้งสูตรนี้ยังช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มชุ่มชื่นให้กับผิวได้ดีด้วยค่ะ




วิธีดูแลผิวพรรณ


       

เคล็ดลับ "ลดปัญหารอยฝ้า"... แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ




ใบหน้าเป็นส่วนแรกที่เมื่อนึกถึงความสวยแล้วสาวๆ จะนึกถึง แล้วต้องขวนขวายหาสิ่งๆ ต่างๆ ที่ว่าดีได้ผลมาดูแลผิวหน้าสวยๆ ของคุณ การทำสวยไม่มีคำว่าที่สุดเลยจริงๆ ค่ะสำหรับสาวๆ แต่ถึงแม้จะบำรุงแค่ไหน ก็ไม่มีทางบำรุงได้หมดหรอกคร้า เยอะ แต่มี 2 ปัญหาหลักที่สาวๆ ทุกคนนั้นแก้ไม่ตก ปัญหานี้ทำเอาสาวๆ เครียดได้เลยค่ะ ปัญหาที่ว่านั้นก็คือปัญหา รอยฝ้า และใบหน้าหมองคล้ำ เป็นปัญหาปวดเฮดทีสาวๆ ยังแก้ไม่ตก แล้วก็ไม่รู้จะทำยังงัย ฝ้าเกิดจากการที่ใบหน้าเราโดนแดดมากๆ แต่จะให้หลบแดด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยอะ แล้วยิ่งอากาศบ้านเราร้อนๆ แบบนี้อย่าให้พูดเลยค่ะมีแน่นอน สิว ฝ้า ปัญหาหน้าหมองคล้ำจากแดด ต้องพบต้องเจอะกันอยู่แล้วหนีไม่พ้น แต่เราก็สามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้นิค่ะ แล้ววันนี้ มีเคล็ดลับ "ลดปัญหารอยฝ้า"... แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ มาให้สสาวๆ กันค่ะ รับรองว่า เคล็ดลับ "ลดปัญหารอยฝ้า"... แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ นี้จะช่วยแก้ปัยหาเกี่ยวกับผิวหน้าที่กวนใจสาวๆ ได้อีกเยอะเลยค่ะ พร้อมที่จะดูแลผิวหน้ากับ เคล็ดลับ "ลดปัญหารอยฝ้า"... แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ กันหรือยังค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยโลด

เคล็ดลับ "ลดปัญหารอยฝ้า"... แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

ฝ้า 
เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง พบมากในอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
สาเหตุ 
เกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีมากกว่าปกติพบมากในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่กินหรือ ฉีดยาคุมกำเนิด แต่ก็อาจพบใน ผู้ชาย และผู้หญิงทั่วไป   
- ผู้ที่ถูกแสงแดด หรือแสงไฟ (แสงอัลตราไวโอเลต) บ่อยอาจมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่าย และเชื่อว่ากรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
- ความเครียด สารเคมี (เช่น น้ำมันดิน) น้ำหอม เครื่องสำอาง ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้
-ผู้ที่เป็นโรคบางชนิด เช่น เนื้องอกของรังไข่ โรคแอดดิสัน  ก็อาจทำให้หน้าเป็นฝ้าดำได้ เช่นกัน บางคนอาจเกิดฝ้าโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้

อาการ 
มีลักษณะเป็นรอย หรือปื้นสีน้ำตาลออกดำขึ้นที่บริเวณใบหน้าส่วนที่ถูกแสงแดดมาก ๆ เช่น หน้าผาก โหนกแก้มทั้งสองข้าง และดั้งจมูก บางคนอาจมีรอยดำ ที่หัวนม รักแร้ ขาหนีบ หรืออวัยวะเพศร่วมด้วย

การดูแลเบื้องต้น 
พยายามอย่าถูกแดดมาก (เวลาออกกลางแจ้ง ควรใส่หมวก หรือกางร่ม) ควรหลบแสงไฟแรง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม และเครื่องสำอาง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าให้อารมณ์เครียด
การใช้ยารักษา (อยู่ในความดูแลของแพทย์) ผลิตภัณฑ์กันแดด ค่า SPF 15 ขึ้นไป
ปัจจุบันในการรักษาฝ้า ไม่ใช้เรื่องยาก เพราะด้วยเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้ที่เป็นฝ้าได้มีทางเลือกมากขึ้น  ซึ่งเมโกะคลินิกได้มีเครื่องมือรองรับผู้ที่ต้องการรักษาฝ้าอย่างครบครัน พร้อมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20ปี  ที่จะคอยดูแลตลอดการรักษาสอบถามข้อมูลเพิ่มและรับคำปรึกษาฟรีได้ที่ 1754 ได้ทุกวัน


วิธีดูแลผิวพรรณ


      

  แนะนำเคล็ดลับ... การมีผิวสวยกระจ่างใส




มาแล้ว มาแล้ว สาวๆ ทั้งหลาย มาทางนี้เลยค่ะวันหยุดสบายๆ แบบนี้จะอยู่ว่างๆ ทำไมค่ะเรามาทำสวยกันดีกว่าไหมเอ่ย วันนี้นะค่ะเราจะพาสาวๆ มาสวยด้วยมะเขือเทศกันค่ะ เอ๋! งง หรอค่ะว่าทริปความสวยในครั้งนี้เกี่ยวอะไรกับมะเขือเทศ ไม่ต้อง งง หรือ สงสัย กันหรอกค่ะบอกได้เลยว่าทริปความสวยในวันนี้มีตัวเอกเป็นมะเขือเทศเลยหล่ะจร้า เพราะว่าวันนี้ จะมาแนะนำเคล็ดลับ... การมีผิวสวยกระจ่างใส ให้สาวๆ ได้รับได้รู้กันค่ะ อะนั้นแน่ เพิ่มความ งง คูณ 2 แล้ว การมีผิวสวยกระจ่างใส เกี่ยวอะไรกับมะเขือเทศ เชื่อว่าตอนนี้สาวๆ นั้นคงกำลัง งง และสับสนกับทริปความสวยของเราในวันนี้อย่างแน่นอน เอาเป็นว่าเก็บเอาความ งง ไว้ก่อนแล้วไปสำรวจดูสิค่ะว่าที่บ้านของสาวๆ มีมะเขือเทศไว้พอให้ทำสวยอะเป่าน๊า ถ้าเกิดว่าสำรวจแล้วเอามะเขือเทศมาได้เลยค่ะ แล้วเราไปมีผิวสวยกระจ่างใสกับเคล็ดลับ การมีผิวสวยกระจ่างใส พร้อมกับเจ้ามะเขือเทศกันได้เลยจร้า

การมีผิวสวยกระจ่างใส ง่ายๆ ด้วยมะเขือเทศ

น้ำมะเขือเทศ อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินเค และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลไปถึงผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใสขึ้น ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้เรามีผิวพรรณที่สวยสดใส

มะเขือเทศ มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ชื่อว่า ไลโคปีน ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิด มะเร็งลำไส้ และ มะเร็งต่อมลูกหมาก สูตรง่ายๆเพียงนำ น้ำมะเขือเทศ คั้นสดๆ มาพอกหน้า หรือ ฝานบาง ๆ เป็นชิ้นแล้วเอามาวางแปะบนใบหน้า จะช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงอ่อนนุ่มขึ้น และ มะเขือเทศ ยังช่วยรักษาสิว ได้อีกด้วย เริ่มดื่ม น้ำมะเขือเทศ ตั้งแต่วันนี้เพื่อผิวพรรณที่ดีของคุณสาวๆ นะคะ







         

    

วิธีดูแลผิวพรรณ

   

          แนะนำ! สูตรน่าใสไร้สิว





สิวเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กวนใจใครหลายๆ คน และโดยเฉพาะสาวๆ การมีสิวเป็นเรื่องที่หน้าหนักใจ และเป็นเรื่องที่คอยทำร้ายความมั่นใจอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จะหาวิธีกำจัดอย่างถาวรรึก็ยากสะเหลือเกิน ถ้าเป็นแบบนี้สาวๆ จะทำอย่างไรหล่ะค่ะทีนี้ กลุ้มใจใช่ไหมหล่ะค่ะ แต่นับจากนี้ปัญหานี้จะไม่มีทางรบกวนความสวยของสาวๆ ได้อีกต่อไปเพราะว่าวันนี้ จะมา แนะนำ! สูตรน่าใสไร้สิว ให้สาวๆ ได้บอกต่อกัน ที่นี้แหละค่ะ สูตรน่าใสไร้สิว นี้จะให้ผิวหน้าของสาวๆ นั้นดูสวยเรียบเนียนได้อย่างแน่นอนค่ะ อยากจะรู้แล้วรึยังค่ะว่า สูตรน่าใสไร้สิว ที่เราได้นำมาแนะนำนี้จะเพอร์เฟคขนาดไหน เชื่อว่าถ้ารู้แล้วสาวๆ หลายๆ คนนั้นคงจะฟินกันกับการมีผิวหน้าเนียนใสอย่างแน่นอนค่ะ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่า สูตรน่าใสไร้สิว นี้จะง่าย และได้ผลแค่ไหนค่ะ

เผย สูตรน่าใสไร้สิว

ส่วนประกอบ สูตร หน้าใส ไร้สิว
1.ไข่ไก่ 1 ฟอง
2.น้ำผึ้ง 
2 ช้อนชา
3.นมผง
 2 ช้อนชา
4.น้ำมัน
งา 1 ช้อนชา


ขั้นตอนการทำ
1.ตอกไข่เอาเฉพาะไข่ขาว แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมตีให้เข้ากันดี
2.ล้างหน้าให้สะอาดแ
ละซับหน้าให้แห้ง
3.นำส่วนผสมต่างๆที่เตรียมไว้มาท
าให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตา พักหน้าทิ้งไว้ 20-25 นาที
4.แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ให้สะอาด
 ซับหน้าให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวหน้าที่ใช้ปกติ เพื่อบำรุงใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น ทำเป็นประจำหน้าจะสดใส ไร้สิวนุ่มเนียนน่ามอง








วิธีดูแลผิวพรรณ


     

      เผย...เคล็ดลับการถนอมริมฝีปาก




ริมฝีปากเป็นอีกหนึ่งอวัยวะในร่างกายที่สาวๆ หลายๆ คนนั้นบำรุงและดูแลเป็นอย่างดี การที่เรามีริมฝีปากที่เนียนนุ่ม อวบอิ่ม เป็นความต้องการของสาวๆ ทู๊กกกคน แต่น้อยคนสุดๆ ค่ะที่จะแบบมีริมฝีปากดังใจปรารถนาเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ถีงแม้เราจะไม่มีริมฝีปากที่สวยเอิบอิ่มมาก่อน แต่เราก็สามารถสร้างมันได้ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ  จะมาเผยกันในวันนี้ เมื่อพูดมาขนาดนี้แล้ว สาวๆ จำนวนไม่น้อยก็คงอยากที่จะรู้แล้วว่า เคล็ดลับการถนอมริมฝีปาก ที่เราจะนำมาเผยกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าสาวๆ อยากรู้แล้วเราก็จะไม่ปล่อยให้สาวๆ รอนานอีกแล้วค่ะ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้สาวๆ เตรียมตัวให้พร้อมเลยนะค่ะ พร้อมหรือยาง...นับ 1 2 3 อิอิ เหมือนจะไปออกลบอย่างไรอย่างงั้นเลยว่าไหมค่ะ อะๆ ไม่เล่นละเพราะสาวๆ หลายๆ คนนั้นก็คงที่จะอดใจรอไม่ไหวแแล้ว งั้นก็เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู เคล็ดลับการถนอมริมฝีปาก กันเลยดีกว่านะค่ะว่าเป็นอย่างไร แล้วง่ายอย่างที่เราโม้ไว้ไหม ไปดูกันเลยค่ะ

7 เคล็ดลับการถนอมริมฝีปาก

1. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 4-6 แก้ว เพื่อป้องกันการเกิดร้อนใน ซึ่งถ้าหากเป็นร้อนในแล้วจะทำให้ปากแห้งหรือ แตกลอกเป็นขุยได้ง่าย

2. สำหรับหลาย ๆ คนที่เคยเข้าใจว่า เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งนั้น ก็ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบ่อย ๆนั้น ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนความคิดและเลิกทำไปได้เลย เพราะในน้ำลายจะมีเอนไซม์ที่ทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งกว่าเดิม แถมยังทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำขึ้นอีก

3. ก่อนนอนควรทาลิปกลอส หรือ ลิปมันเป็นประจำ เพื่อเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันริมฝีปากแตก หรือเป็นขุยได้

4. เวลาที่ริมฝีปากของคุณเป็นแผล ไม่ควรที่จะแกะสะเก็ดแผลเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้อาการของแผลแย่ลงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้ปากที่ลอกหายยากขึ้นอีกด้วย

5. เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง อย่าลืม !!…. ทาลิปสติกที่มีส่วนผสมป้องกันรังสียูวี

6. ระวัง!… ยางผลไม้บางชนิด เพราะเมื่อมันสัมผัสกับริมฝีปากของคุณแล้วจะทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำได้
7. หากมีปัญหาปากเป็นขุย หลังแปรงฟันเสร็จใหม่ ๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังชุ่มชื้นด้วยน้ำอยู่ ให้ใช้แปรงสีฟันแปรงเบา ๆ ที่ริมฝีปากบนและล่าง เพื่อให้ขุยหรือสะเก็ดลอกออก จากนั้นจึงใช้ลิปมันทาบางๆ






วิธีดูแลผิวพรรณ



          

เผยเคล็ดลับ "การมีผิวสวยใส" ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป




การมีผิวสวยใส เป็นเรื่องที่หลายๆ คนนั้นต้องการแต่จะว่าไปแล้วนั้น การมีผิวสวยใส สำหรับหลายๆ คนนั้นก็เป็นเรื่องที่แบบว่ายุ่งยาก และวุ่นวายอย่างที่สุด ไอ้ที่บอกว่าวุ่นวายนั้นไม่ใช่อะไรหรอกนะค่ะ เคล็ดลับเยอะเกิ๊นน เคล็ดลับ การมีผิวสวยใส มีอยู่หลายร้อย หลายพันเคล็ดลับ แล้วแต่ละเคล็ดลับโอ้คุณพระ ต้องทำนู้น นี่ นั้น เอิ่มม วุ่นวายไปไหน ก็เลยทำให้สาวๆ ส่วนใหญ่นั้นคิดว่า การมีผิวสวยใส เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่จะบอกเลยว่านั้นเป็นความคิดของใครหลายๆ คนนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ในวันนี้ จะมา เผยเคล็ดลับ "การมีผิวสวยใส" ที่นับจากนี้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อยากรู้กันหรือยังค่ะว่า เคล็ดลับ การมีผิวสวยใส ที่เราจะมาเผยนี้จะง่ายและได้ผลสักแค่ไหน อะงั้นเอาเป็นว่าถ้าอยากรู้แล้วก็อย่ามัวรอช้าอยู่เลยนะค่ะ เราไปดูเคล็ดลับ การมีผิวสวยใส สุดง่ายนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ขอแอบกระซิบนิดนึงได้อะเป่าค่ะว่า สาวๆ จะฟินกับเคล็ดลับ การมีผิวสวยใส แบบสุดๆ เลยคร้า

เผยเคล็ดลับ "การมีผิวสวยใส"

- ครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านให้ติดเป็นนิสัยนะจ๊ะ เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ทำให้ผิวเราเสื่อมได้มากถึง 80%เชียวนะ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาวใสของเราเกิดริ้วรอย และเหยี่ยวย่นค่ะ

- ท่านอน การนอนของคนเราอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอนเกิดริ้วรอย มากกว่าอีกด้านนึงค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรเปลี่ยนท่านอนมาเป็น ท่านอนหงายหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม และเลือกปลอกหมอนที่มีเนื้อผ้าลื่นๆ เช่น ผ้าซาติน เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ และหน้าขาวใสของเราก็จะปราศจากริ้วรอยค่ะ
- อาหาร ผิวขาวใสมาจากอาหารที่ดี มีประโยชน์ ครบหมดหมู่นะจ๊ะ โดยเฉพาะวิตามินที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว ได้แก่ วิตามินเอ ซี และอีค่ะ อย่างเช่น ผักสดและผลไม้สดค่ะ และเมื่อทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อย่าลืมดื่นน้ำให้มากๆประมาณ 6-8แก้วต่อวันนะค่ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น สดใสให้แก่ผิวค่ะ

- พักผ่อน ต้องรู้จักการพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ เพราะผิวขาวใสของเรานั้นจะมีได้ ต้องเริ่มมาจากสุขภาพที่ดีนะจ๊ะ ถ้าเราสุขภาพดี แข็งแรง ผิวพรรณของเราก็จะสวย สดใสตามไปด้วยค่ะ

- ผ่อนคลาย
 ความเครียดเป็นบ่อเกิดของใบหน้าหมองคล้ำ ริ้วรอย สิว และอื่นๆนะจ๊ะ เพราะฉะนั้น เราควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดบาง อย่างเช่น การนั่งสมาธิ การฟังเพลง เดินเล่น เป็นต้น ก็ช่วยลดความเครียดได้ค่ะ






วิธีดูแลผิวพรรณ



     

               7 ตัวช่วยเพื่อ "ผิวสวยท้าแดด"





อากาศร้อนๆ แบบนี้เห็นทีผิวของเราจะเสียหายอย่างรุนแรงเป็นแน่แท้แล้ว ก็แหม่ๆ แดดแรงสะขนาดนี้แบบว่าไปยืนกลางแดดแล้วแสบผิวอะเคยไหมค่ะ อย่าว่าแต่ไปยืนเลยค่ะแค่เห็นแดดก็จะเป็นลมอยู่ละ แล้วถ้าเกิดว่าแดดมันจะรุนแรงขนาดนี้เห็นทีผิวสวยๆ ของเราที่สร้างมาจะต้องถูกทำร้ายอย่างเสียหายเป็นแน่แท้เลยค่ะ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันหล่ะค่ะเนี๊ย เห้อ...ยังหาทางออกมิได้เลย ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะเพราะว่าวันนี้ได้นำเอา 7 ตัวช่วยเพื่อ "ผิวสวยท้าแดด" มาฝากกันค่ะ เพียงแค่คุณมี ของ 7 อย่างนี้รับรองว่าไม่ว่าแดดจะรุนแรงร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางระคายเคืองผิวสวยๆ ของคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ งั้นเอาเเป็นว่าเวลานี้พร้อมลุยแดดกันหรือยังค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเตรียม 7 ตัวช่วยเพื่อ "ผิวสวยท้าแดด" ที่เราจะแนะนำนี้ให้ถ้าพร้อมแล้วไปมี ผิวสวยท้าแดด กันได้เลยจร้า

เถล็ดลับการมี ผิวสวยท้าแดด

1. ปกป้องผิวส่วนที่ถูกลืม
ทุกครั้งที่ทาครีมกันแดด ควรทาผิวให้ครบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลำคอ หน้าอก แผ่นหลัง มือ และเท้า เพราะรังสียูวีสามารถทำร้ายผิวทั่วร่างกาย
2. ลิปบาล์มกันแดด
ผิวบอบบางบริเวณริมฝีปาก ควรปกป้องด้วยลิปบาล์ม หรือลิปมอยส์เจอไรเซอร์ที่ผสมสารกันแดด SPF 15 ทำให้ชุ่มชื่น ไม่เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำ
3. แว็กซ์ผิวทุกส่วนให้เนียน
เผยผิวเนียนในชุดว่ายน้ำ อย่าลืมแว็กซ์กำจัดขนไม่พึงประสงค์ เช่น แนวบิกินี ใต้วงแขน ขา เพื่อให้ผิวของคุณเปล่งปลั่งนวลเนียน จะได้โชว์อย่างมั่นใจ
4. พกผ้ากระดาษทิชชู
ควรเตรียมทิชชูหน้าสำหรับซับเหงื่อ เพราะหากปล่อยไว้อาจกลายเป็นคราบสีขาว และอุดตันบนรูขุมขนทำให้เกิดเป็นสิวในภายหลัง.
5. เสื้อผ้าโปร่งระบายอากาศ

แฟชั่นชายหาด มักเป็นเสื้อผ้าที่บางเบา ใส่สบาย ที่สำคัญระบายความร้อนได้ดี เพราะในอากาศมีความชื้นสูง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางความร้อนรุ่มลงได้บ้าง
.
6. น้ำเย็นช่วยให้ผิวสดชื่น
ใส่น้ำเย็นในขวดสเปรย์สำหรับฉีดพรมผิวหน้าและผิวกายให้ชุ่มชื่น ความเย็นช่วยทำให้รูขุมขนหดตัว ลดอาการแสบร้อน และอาการจ้ำแดงที่ผิว
7. ทาเล็บสีสดโชว์เท้าสวย
ผิวเท้าที่บำรุงดูแลอย่างดี เมื่อทาเล็บสีสดจะทำให้ดูสะอาด โดดเด่น และดึงดูดสายตา เหมาะกับรองเท้าสานเก๋ๆ สักคู่





วิธีดูแลผิวพรรณ


        

         แนะนำ "เทคนิคการมีแก้มเรียวได้รูป"


            


การมีแก้มที่สวยได้รูปถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นสิ่งที่สาวๆ เกือยทุกคนต้องการแต่ว่าเมื่อเรานึกถึงการปรับเปลี่ยนรูปนั้นเราจะนึกถึงการทำศัลยกรรมอยู่ดีจริงไหมหล่ะค่ะ แต่ก็ไม่แปลกอะไรเพราะทุกวันนี้การทำศัลยกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ สาวๆ สวยส่วนใหญ่ก็นิยมสวยด้วยวิธีนี้ทั้งนั้น แต่ขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าเทคนิคความงามที่ ได้นำมาฝากกันในวันนี้เป็นเทคนิคที่ทำได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมเลยค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมค่ะว่าอะไร อะงั้นบอกเลยก็ได้ วันนี้เราจะมาขอแนะนำ "เทคนิคการมีแก้มเรียวได้รูป" ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ ว้าวว เป็นเทคนิคที่มั่นใจว่าสาวๆ อยากจะรู้กันแล้วตอนนี้อดใจรอไหวไหมค่ะถ้าไม่ไหวงั้นเราไปดู เทคนิคการมีแก้มเรียวได้รูปกันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะเป็นอย่างไร แล้วจะง่ายขนาดไหนค่ะ

แนะนำ "เทคนิคการมีแก้มเรียวได้รูป"

ขั้นตอน การกระชับเรียวแก้ม ก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรกกันเลยนะคะ ให้คุณสาวๆ ทำหน้าตรง จากนั้น ยื่นริมฝีปากล่างออกไปด้านหน้า ไม่ต้องเกร็งริมฝีปากบน ไม่แสยะหรือแบะปากนะคะ

ขั้นตอนต่อไป
 ให้คุณสาวๆ ยื่นแต่ส่วนริมฝีปากล่างออกไปจนตึง (ลักษณะ จะเหมือนเราพูดคำว่า อา…นั่นเองค่ะ) ทำค้างไว้ 15-20 วินาที ทำซ้ำอีกจนครบ 5 ครั้ง
เคล็ดลับนี้
 แนะนำให้คุณสาวๆ ทำทุกๆ วันนะคะ ผิวบริเวณเรียวแก้ม และคางจะดูกระชับขึ้น ผิวหนังไม่หย่อนคล้อย เคล็ดลับความสวย กระชับ ได้รูป แบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมแบบนี้ ง่ายใช่มั้ยล่ะค่ะ ลองทำตามกันดูนะคะ สวย ใส แถมประหยัดเงินอีกด้วยล่ะค่ะ







วิธีดูแลผิวพรรณ


           

      เผย.....เทคนิกการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรูขุมขน






รูขุมขนกว้างเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สาวๆ ทุกคนเบื่อหน่า แต่เนื่องจากว่าปัญหานี้เราไม่สามารถที่จะหนีมันได้ แต่ถ้าจะให้ยอมรับแบบเปิดเผยก็ โอ้วน้อววว ไม่ไหวนะค่ะ เราจะให้ปัญหานี้มาทำร้ายความมั่นใจของสาวๆ ไม่ได้เด็ดขาด มันต้องมีสิ มันต้องมีวิธีสิน่า ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะว่าวันนี้ ได้มาเผย.....เทคนิกการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรูขุมขน ให้สาวๆ ได้รู้กันแล้วค่ะ เชื่อว่าตอนนี้สาวๆ นั้นคงกำลังนั่งลุ้นด้วยความอยากรู้แบบฝุดๆ แล้วว่า เทคนิคการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรูขุมขน ที่เรานำมาแนะนำนี้จะเป็นอย่างไร งั้นจะเก็บความสงสัยไว้ทำไมหล่ะค่ะจริงไหม ยิ่งสงสัย ยิ่งอืดอัด งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราขอพาสาวๆ ไปรู้จัก และไปปฏิบัติตาม เทคนิกการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรูขุมขน ที่เราได้นำมาฝากกันเลยดีกว่านะค่ะ รับรองว่าจะทำให้สาวๆ ฟินและปราบปลื้มแบบฝุดๆ เลยจร้า

เทคนิกการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรูขุมขน

1. ใช้คลีนเซอร์และโทนเนอร์ก่อนลงเครื่องสำอาง 
โดยใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อกำจัดและช่วยยับยั้งความมันบนใบหน้า ส่วน
โทนเนอร์ให้เลือกที่เหมาะสมกับผิว แล้วใช้สำลีชุบก่อนเช็ดให้ทั่วใบหน้าจนรู้สึกถึงความสะอาด
2. ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นเป็นตัวช่วยในการกระชับรูขุมขน

การใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาบนใบหน้านอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับแล้วยังเป็น การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ดังนั้นการใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาใบหน้าไม่ได้ทำร้ายผิวหน้าคุณเลยค่ะ ทำทุกวันได้ ไม่เสียหาย แถมให้ผลดีอีกด้วย
3. ทามอยซ์เจอไรเซอร์
 
มอยซ์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งที่ให้ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่สำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างแล้ว ควรใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้ถูกวิธี โดยค่อยๆ นวดมันให้ซึมซับลงในผิวเบา ๆ การลงมอยซ์เจอไรเซอร์นอก จากจะบำรุงผิวแล้วยังทำให้คุณเกลี่ยรองพื้นได้ง่าย และติดทนนานอีกด้วย

4. เมื่อทามอยซ์เจอไรเซอร์แล้ว 
ให้ทาผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเป็นอันดับต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความมันค่ะ
5. ใช้เมกอัพไพรเมอร์
 
ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้เครื่องสำอางบนใบหน้าติดทนนาน เหมาะกับสาวหน้ามันที่มีปัญหาเครื่องสำอางลบเลือนเพราะความมันระหว่างวันโดย เฉพาะ ดังนั้นควรลงไพรเมอร์ก่อนทารองพื้นทุกครั้ง
เพื่อความสวยที่ยาวนานค่ะ


6. ลงรองพื้น ถึงแม้ว่าสาวๆ 
จะใช้รองพื้นในการปกปิดรูขุมขนที่กว้างให้ดูเนียนขึ้น แต่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นที่มากเกินไปนะคะ เพราะมันยิ่งจะทำให้รองพื้นไปอุดตันรูขุมขนจนยิ่งเห็นรูขุมขนชัดขึ้นไปอีก ดังนั้น
คุณควรใช้รองพื้นแบบน้ำที่กลมกลืนไปกับผิวหน้าดีกว่า แล้วตามด้วยแป้งฝุ่นค่ะ

7. ไม่ควรใช้แป้งผสมรองพื้น 
เพราะคุณลงรองพื้นไปแล้ว ดังนั้นให้ลงแป้งฝุ่นเท่านั้น เพราะแป้งผสมรองพื้นจะทำให้หน้าดูหนักมากขึ้นไปอีก แล้วยิ่งคุณหยิบมันมาตบแป้งระหว่างวันแล้ว ยิ่งทำให้รองพื้นหนาชั้นขึ้น จนอุดตันรู
ขุมขนและในที่สุดรูขุมขนของคุณก็จะยิ่งกว้างขึ้นไปอีกด้วย









วิธีดูแลผิวพรรณ



                

             เคล็ดลับ "การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ"





ถ้าจะว่าไปแล้วการล้างหน้าเป็นสิ่งที่เชื่อทุกคนต้องเคยปฏิบัติ แบบเรียกว่าเป็นกิจวัติประจำวันเลยก็ว่าได้ แต่ผิวหน้าของคนเรานั้นก็แต่ต่างกันอย่างมาก บางคนเพิ่งล้างหน้าเสร็จหน้ามันอีกละ เอ้า ต้องไปล้างใหม่อีก แล้วยิ่งสาวๆ ล้างหน้าบ่อยๆ เปลืองเครื่องสำอางค์อีกด้วย นั่นเป็นเรื่องเลย เมื่อเราเจอปัญหาแบบนี้จะแก้ได้อย่างไรหล่ะค่ะมีไหมวิธี การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ มีแน่นอนค่ะ แล้ววันนี้ได้นำเอา เคล็ดลับ "การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ " มาบอกกันด้วยน๊า อะๆ ไม่ต้องรีบไปค่ะ เพราะว่า เคล็ดลับ "การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ " นี้เราจะไม่แพร่มไปถึงรายละเอียดหรอก เพราะเราจะให้สาวๆ ได้ไปทดลอง เคล็ดลับ "การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ " นี้ด้วยตัวเองค่ะ พร้อมกันหรือยังเอ่ย ถ้าพร้อมแล้วเราไปปฏิบัติการมีผิวหน้าใสด้วย เคล็ดลับ "การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ " กันเลยจร้า

เผย การล้างหน้าให้ใสปิ๊งๆ

- ครีม  เหมาะกับทุกสภาพผิวเพราะมีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า เคล็ดลับ หลังจากที่ล้างหน้าแล้ว ให้ซับหน้าด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆ แล้วผิวจะสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

- ครีมน้ำนม เหมาะสำหรับสาวๆที่มีผิวแห้งและผิวธรรมดา เพราะครีมน้ำนมจะช่วยทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย เป็นตัวฮิตของสาวๆเลยล่ะ ใครได้ลองใช้แล้วจะติดใจ (เพราะแสนเสน่ห์เคยลองมาแล้ว อิอิ)

- เจล  มีความอ่อนโดยนต่อผิวมาก และยังทำให้ผิวรุ้สึกเย็นสดชื่นอีกด้วย (เอาไปแช่ตู้เย็นแล้วเอาออกมาใช้เย็นสบายหน้าสุดๆ)

- น้ำมัน เหมาะกับสาวๆที่มีผิวแห้งเพราะช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นไม่แห้งตึง ทั้งยังอ่อนโยนต่อผิวหน้าอีกด้วย







วิธีดูแลผิวพรรณ


           

                   เผย...เคล็ดลับสูตรน่าใส





การมีผิวหน้าสวยดั่งใจเป็นความต้องการที่ไม่เข้าใครออกใคร แต่ก็น้อยคนเหลือเกินที่จะสมหวังในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วยิ่งเป็นคุณผู้หญิงด้วยแล้วหล่ะก็ โอ้วว เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างที่สุดเลยเจ้าคร้าา แต่เอ...เคล็ดลับสูตรน่าใส นี้มันก็มีเป็น ร้อยๆ พันๆ วิธีเลยอะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรค่ะว่าวิธีไหนที่แบบว่าได้ผลชัวร์ๆ อะ ถ้าสาวๆ อยากรู้ต้องทากาวแล้วเกาะติด ให้หนึบเลยนะค่ะ เพราะว่าวันนี้เราจะมา เผย...เคล็ดลับสูตรน่าใส ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ สำหรับ เคล็ดลับสูตรน่าใส นี้นะค่ะเราขอกระซิบเบาๆ ว่าเริ่ดสุดๆ จร้า อิอิ ตอนนี้เชื่อว่าสาวๆ คงอยากที่จะรู้แล้วว่า เคล็ดลับสูตรน่าใส นี้เป็นอย่างไร จะง่ายแค่ไหน แล้วที่บอกว่าเริ่ดสุดๆ นี้จะมีแค่ราคาคุยมั้ย อะงั้นเราก็ไปดูไปพิสูนจ์ให้เห็นกับตากันเลยดีกว่านะค่ะว่า เคล็ดลับสูตรน่าใส จใส่สิ่งที่สาวๆ ตามหารึป่าว

แนะนำ 4 เคล็ดลับสูตรน่าใส

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก
2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส

ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง







วิธีดูแลผิวพรรณ



            เคล็ดลับการปกปิดความไม่สดใสบนใบหน้า





ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่จะถูกสังเกตุเป็นจุดแรก เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าบนใบหน้ามีอะไรที่แบบว่าดูไม่ดีสาวๆ อย่างชะล่าใจนะค่ะ จะรีบจัดการอย่างด่วน จะปก จะปิด จะโบ๊ะ จะอะไรเอาให้ไว แต่ทุกอย่างนั้นแก้ได้ง่ายค่ะยกเว้นใบหน้าที่ดูไม่สดใส ปัญหานี้สิค่ะที่แก้ยากและยากเกินกว่าที่จะแก้ แต่นับจากวินาทีนี้ไปปัญหานี้จะหมดไปเพราะว่าวันนี้ มี เคล็ดลับการปกปิดความไม่สดใสบนใบหน้า มาแนะนำกันค่ะ เชื่อว่าถ้าพูดไปแบบนี้สาวๆ จำนวนไม่น้อยแน่ๆ ที่อยากจะรู้ว่า เคล็ดลับการปกปิดความไม่สดใสบนใบหน้า ที่เราบอกนี้จะเป็นอย่างไร งั้นก็เอาเป็นว่าเราไปดู ไปปฏิบัติตาม เคล็ดลับการปกปิดความไม่สดใสบนใบหน้า กันเลยดีกว่าจร้า พิสสูจน์ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

เผย...เคล็ดลับการปกปิดความไม่สดใสบนใบหน้า

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอณูแป้งกระจายแสง เพื่อเนรมิตผิวหน้าเปล่งปลั่งทันใจ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีอณูแป้งกระจายแสง เช่น Shiseido The Skincare : Visible Minimize Serum ควบคู่กับ Moisturizer ในตอนเช้า เพราะอณูแป้งที่กระจายแสงนั้นจะช่วยอำพรางความไม่สดใสของผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และทำให้รูขุมขนที่กว้างแลดูเล็กลงอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Working Women ที่มีผิวเหนื่อยล้า 








วิธีดูแลผิวพรรณ



                  

                 วิธีพอกหน้าให้สวยใส...ด้วยน้ำผึ้ง





ผิวหน้าสวยใสเป็นอีกหนึ่งความต้องการของสาวๆ ทุกคน แต่การมีผิวหน้าที่สวยใสอย่างที่ต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดถ้าจะว่าไปแล้วอะนะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของสาวๆ หรอกจริงไหมหล่ะค่ะ เพราะถ้าเพื่อความสวยความงามแล้ว ไม่ว่าเรื่องนั้นนจะแลดูยากเย็นสักแค่ไหน จะลำบากอย่างไรก็ไม่ใช่อุปสรรค์ของสาวๆ อยู่แล้ว และเมื่อเราได้พูดถึงการมีผิวหน้าสวยใสแล้วหล่ะก็ วันนี้เราก็มีเคล็ดลับวิธีดีที่จะช่วยให้สาวๆ มีผิวหน้าสวยใสมาฝากกันค่ะ และเคล็ดลับของเราในวันนี้นั่นก็คือ แถ่น..แทน..แท้น วิธีพอกหน้าให้สวยใส...ด้วยน้ำผึ้ง นั้นเองค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยใช่ไหมหล่ะค่ะว่าน้ำผึ้งที่เรารู้จักกันเนี๊ยจะมีประโยชน์พิเศษสำหรับสาวๆ ด้วย งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราพาสาวๆ ไปดูเคล็ดลับ วิธีพอกหน้าให้สวยใส...ด้วยน้ำผึ้ง กันเลยดีกว่านะค่ะว่ามีวิธีอย่างไร เชื่อว่า วิธีพอกหน้าให้สวยใส ที่เราได้นำมาฝากสาวๆ ในวันนี้คงจะทำให้สาวๆ ฟินไปกับการมีผิวหน้าสวยใสได้อย่างแน่นอนค่ะ

แนะนำ วิธีพอกหน้าให้สวยใส

วิธีพอกหน้า: ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะ น้ำผึ้ง ลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียวนวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้ง ไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพัก ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยง ที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วก็ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด เป็นอันเสร็จพิธี ด้วยสรรพคุณน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย




วิธีดูแลผิวพรรณ


       เผย...เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ





การมีผิวหน้าที่กระชับ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นความปรารถนาของสาวๆ อีกหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่ก็น้อยคนนักที่แบบว่าจะหาวิธีต่างๆ เพื่อมาปฏิบัติให้ผิวหน้าแลดูกระชับอย่างได้ผล แล้วจะเห็นว่าทุกวันนี้ก็มีหหลายวิธีเหลือเกิน คิดๆ แล้วก็หัวจะปวด เห็นทีงานนี้ จะต้องมาเผย...เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ ให้ได้รู้กันค่ะ โดยเฉพาะคุณสาวๆ เรามั่นใจเลยค่ะว่า เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ ที่เราได้นำมาฝากนี้จะต้องเป็นตัวช่วยที่สาวๆ ต้องการได้เป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ งั้นก็อย่ามัวเสียเวลาโม้อยู่เลยนะค่ะ ยังงัย 10 ปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ต่อให้โม้ไปก็ไม่ช่วยอะไร เอาเป็นว่าให้สาวๆ ได้ไปทดลอง เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ ที่เราได้นำมาฝากกันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะเป็นอย่างไร แล้วผลจะออกมาเป็นที่ปราบปลื้มของสาวๆ หรือไม่ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปปฏิบ้ตตาม เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ กันเลยจร้า

4 เทคนิคการนวดหน้าให้กระชับ

1. นวดแก้ม  
วางฝ่ามือที่ข้างจมูกทั้ง 2 ด้าน นวดคล้ายการยกผิวขึ้นไปจนถึงขมับ เมื่อถึงขมับแล้ว ใช้ฝ่ามือลงน้ำหนักกดที่ผิวหน้า 3 ครั้ง
2. สร้างความสั่นสะเทือน
เมื่อลงน้ำหนักกดแล้ว ให้วางมือไว้ที่จุดเดิม แล้วเขย่ามือทั้ง 2 ถี่ๆ เพื่อสร้างความสั่นสะเทือนให้แก้ม ประมาณ 10  วินาที
3. ยกเส้นขอบหน้า

ใช้ด้านข้างนิ้วชี้และนิ้วโป้งหนีบคาง นวดขึ้นมาจนถึงใต้หู ใบหน้าซีกขวาให้ใช้มือขวา ซีกซ้ายให้ใช้มือซ้ายนวด 3 ครั้ง

4.การกดจุด

ใช้นิ้วกลางกดจุดที่ป้องกันความหย่อนยาน ค่อยๆ กดแล้วค่อยๆ ปล่อย
1 ชิฮากุ..ใต้ตา ห่างจากกระดูกใ
ต้ตาประมาณ 1 ซม.
2 ชิโซ…มุมปากทั้ง 2 ข้าง







วิธีดูแลผิวพรรณ


       

            เคล็ดลับดูแลผิวห่างไกลจุดด่างดำ




การมีจุดด่างดำบนใบหน้าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สาวๆ มันไม่อยากให้เกิด แต่ส่วนใหญ่แล้วหนีไม่พ้น แต่ถ้าจะให้มีจุดด่างดำมาประดับบนใบหน้าโดยที่เราไม่แก้ไขก็เห็นทีจะไม่ไหวนะค่ะขอบอก ถึงแม้ว่าเราจะหลีกหนีปัญหานี้อยากแต่เราก็สามารถที่จะดูแลแก้ปัญหาที่กวนใจนี้ได้นะค่ะ แต่ก็นะเคล็ดลับวิธีด่างๆ นั้นก็ใช่ว่าจะมีน้อย หรือได้ผลทุกวิธี สาวๆ ก็ต้องมานั่งปวดหัวกับเคล็ดลับดูแลใช่ไหมหล่ะค่ะ แต่นับจากนี้ไปปัญหาเหล่านี้จะหมดไปทันทีเพราะว่าวันนี้ ได้นำเอา เคล็ดลับดูแลผิวห่างไกลจุดด่างดำ มาฝากสาวๆ กันค่ะ อะๆ อ้าว อยากรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า เคล็ดลับดูแลผิวห่างไกลจุดด่างดำ ที่เราได้นำมาฝากกันนี้จะเป็นอย่างไร แล้วจะได้ผลจริงหรือไม่ อะงั้นเราไม่ขออธิบายแล้ว เอาเป็นว่าให้สาวๆ ไปลองปฏิบัติตาม เคล็ดลับดูแลผิวห่างไกลจุดด่างดำ ในวันนี้กันเลยดีกว่าจร้า

เคล็ดลับดูแลผิวห่างไกลจุดด่างดำ

- ควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่มี SPF 15 ขึ้นไป
- ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสม AHA
- บริโภคอาหารที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ , วิตามิน A C และ E , เซเลเนี่ยมและฟลาเวอนอย จะช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายโดยแสงแดด
- ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ HYDROXYQUINONE วันละ 2 ครั้ง อย่างน้อย 6-8 อาทิตย์ จะช่วยเจือจางจุดสีน้ำตาลบนผิวได้

- ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลบเลือนรอยย่น และจุดด่างดำ
- ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่คุณ อยากกำจัด จุดด่างดำ บนผิวหน้าให้หมดไปอย่างถาวร

- ปรึกษาแพทย์ด่วน หากพบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับริ้วรอยจุดด่างดำ เช่น คัน หรือขยาย -ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้






วิธีดูแลผิวพรรณ

                     

               "เคล็ดลับวิธีบำรุงผิว" ให้ได้ผลเกินคาด 




   ผิวเป็นอีกหนึ่งสิ่งในร่างกายที่เหล่าสาวๆ มักจะให้ความสนใจและดูแลเป็นพิเศษ ก็การมีผิวที่ขาวกระจ่างใสนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้สาวๆ นั้นแลดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากว่าวิธีบำรุงผิวที่เรารู้หรือเห็นกันนั้นก็เป็นวิธีแบบชั่วคราว และที่น่าตกใจคือบางวิธีโฆษณามาสะดิบดี อะนิจาทดลองเป็นปียังไม่ได้ผลเลยจร้า เพราะเหตุที่ว่าเราไม่รู้วิธีที่แน่นอนนี่เองทำให้การบำรุงดูแลผิวนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร แต่นับจากวินาทีนี้ไปปัญหาการบำรุงผิวนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจของสาวๆ ได้อีกต่อไป เพราะว่าวันนี้ มี "เคล็ดลับวิธีบำรุงผิว" ให้ได้ผลเกินคาด มาแนะนำกันค่ะ เชื่อว่าตอนนี้สาวๆ หลายๆคนก็คงอยากที่จะรู้แล้วว่า "เคล็ดลับวิธีบำรุงผิว" ให้ได้ผลเกินคาด ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร แล้วจะได้ผลขนาดไหน งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู เคล็ดลับวิธีบำรุงผิว ที่เรานำมาฝากกันเลยดีกว่านะค่ะ ว่าจะง่ายและได้ผลอย่างที่สาวๆ ตามหารึป่าว  

เผย เคล็ดลับวิธีบำรุงผิว

1. ขัดผิวซะก่อน 
บำรุงผิว เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะเป็นเหมือนเกราะกำบังที่ทำให้สกินแคร์ซึมซาบลงสู่ชั้นผิวหนังได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงควรสครับผิวอย่างน้อยทุกสัปดาห์ควบคู่ไปกับขั้นตอนทำความสะอาดผิว

2. เรียงลำดับขั้นตอนการบำรุงผิว 
ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นควรจะเป็นตัวส่งผ่านไปยังผิวก่อน ดังนั้น ในการใช้สกินแคร์จึงต้องเรียงลำดับโดยเลือกใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่บางสุด เช่น เอสเซนส์ หรือ เซรั่ม แล้วค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่เนื้อเข้มข้นขึ้นอย่างโลชั่นหรือครีม

3. บำรุงผิว 
ทันทีหลังล้างหน้า ผิวที่เปียกชื้นนั้นก็เป็นเหมือนฟองน้ำที่จะสามารถซึมซับน้ำได้ดี การใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว ใดๆ ก็ตามจะได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อผิวหน้ายังคงความชื้น (ไม่ใช่เปียกนะ) แต่วิธีนี้อย่านำไปใช้กับการทาครีมกันแดดล่ะ เพราะอาจจะเกิดคราบได้

4. วอร์มผิวก่อน

หากคุณใช้น้ำที่มีความอุ่นเล็กน้อยล้างหน้า จะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังและเป็นการเปิดรูขุมขน เพิ่มพื้นที่ให้เซลล์ผิวหนังดูดซับคุณค่าจากผลิตภัณฑ์ได้ เมื่อทาครีม บำรุงผิว ต่างๆ ลงไปบนผิวที่ยังชื้น มันก็จะทำงานได้ดีขึ้น
5. ปิดท้ายด้วยครีมเนื้อแน่น 

ควร บำรุงผิว ด้วยครีมเนื้อเข้มข้นเป็นอันดับสุดท้าย เช่น ครีมเนื้อบัตเตอร์มีส่วนผสมของปิโตรเลียม, แว๊กซ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวดูดสารบำรุงจากสกินแคร์ได้ดีขึ้น ครีมเนื้อเข้มข้นจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวไม่แห้งตึง แต่สำหรับคนหน้ามันที่เป็นสิวง่าย ควรคิดให้ดีหากใช้แล้วผิวมันเยิ้ม

6. บำรุงผิว 

ยามค่ำคืน การไหลเวียนโลหิตนั้นตื่นตัวในยามที่เราหลับ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณครึ่งองศา และนี่เป็นจังหวะที่ดีซึ่ง Retinoids รวมทั้งส่วนผสมอื่นๆ จะเข้าฟื้น บำรุงผิว ได้อย่างดี ดังนั้น เมือใช้สกินแคร์ทั้งหมดทั้งมวลเสร็จ จึงควรตรงดิ่งไปที่เตียงและนอนหลับพักผ่อนเลย

7. ครีมกันแดด+แอนตี่ออกซิแดนท์ 

ทั้งสองอย่างนี้เกิดมาคู่กัน เพื่อทำให้การ บำรุงผิว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างวัน โดยก่อนที่จะลงครีมกันแดดก็ให้ทาให้ใช้เซรั่มที่มี สารแอนตี้ออกซิแดนต์ ลงไปก่อน






วิธีดูแลผิวพรรณ
เพิ่มคำอธิบายภาพ

           

            แนะนำ...วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง





สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ นั้นการแต่งหน้าถือว่าเป็นกิจวัติประจำวันไปเลยก็ว่าได้ แล้วยิ่งสาวๆ บางคนนะค่ะ กลัวไม่เนียนจร้านางโบ๊ะเต็มที่เลย ทำให้เครื่องสำอางค์อาศัยและฝังบนในหน้าของเรา ถ้าหากว่าเราล้างหน้าไม่สะอาดเนี๊ย...สิ่งสกปรกทีติดค้างก็จะค่อยๆ ทำร้ายผิวหน้าของเราไปเรื่อยๆ โอ้วน้อววว.....ไม่นะไม่ยอมไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีที่ล้างเครื่องสำอางค์โดยตรงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยล้างเครื่องสำอางค์ได้อย่างหมดจดนะค่ะ มันต้องมี วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง ด้วยนะค่ะ แล้ววันนี้ จะมาแนะนำ...วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง มาบอกสาวๆ กันค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง ที่เราได้นำมาบอกกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร งั้นเอาเป็นว่าถ้าอยากรู้แล้วว่า วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง นั้นจะง่ายและช่วยทำความสะอาดผิวหน้าจากเครื่องสำอางค์ได้หมดจดแค่ไหนที่สำคัญการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้องจะไม่ทำให้เราเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรด้วยนะค่ะ ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยค่ะ

วิธีการล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง

- ผิวรอบดวงตา
ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางมาก เวลาทำความสะอาด ล้างเครื่องสำอาง แนะนำให้หยดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใส่ลงสำลีพอประมาณจากนั้นเช็ดออกอย่างเบามือ ห้ามถูไปถูมาเด็ดขาด ถ้าเป็นตรงเปลือกตา ก็ค่อยๆ เช็ดลงมาจนถึงตรงขอบตา เพื่อจะรูดมาสคาร่าให้ติดออกไปตามปลายขนตา สำหรับตรงขอบตา ก็แนะนำให้พับสำลีเป็นมุมสามเหลี่ยมเช็ดออกอย่างเบาๆ
- ริมฝีปาก
เมื่อพับสำลีเป็นสามเหลี่ยมแล้ว ก็ใช้ตรงมุมเช็ดตามร่องปาก โดยเช็ดในแนวดิ่งจากด้านในออกมาตรงด้านนอกริมฝีปาก ไม่แนะนำให้ถูในแนวขวาง เพราะจะทำให้ริมฝีปากแตกและถ้าทำซ้ำๆ นานๆ ไป มีผลให้ริมฝีปากเป็นร่องและมีรอยย่นเหี่ยว

- ผิวหน้า
เริ่มจากบริเวณที-โซนก่อน โดยเริ่มวนจากบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง และควรใช้นิ้วนางและนิ้วกลางสำหรับคลึงวนในการทำความสะอาดโดยคลึงวนออกตามจุดต่างๆ บนผิวหน้า ถ้าคุณเลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ ก็สามารถล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดได้เลย แต่ถ้าเป็นคลีนซิ่งเจลหรือน้ำนม คุณต้องซับหน้าด้วยทิชชูก่อน แล้วค่อยตามด้วยน้ำสะอาดและโฟมล้างหน้า









  บทความเกี่ยวกับ วิธีลดความอ้วน กับทคนิคและวิธีสร้างกำลังใจต่างๆๆ



เทคนิคและวิธีลดความอ้วนอย่างเป็นธรรมชาติ



วิธีการลดน้ำหนัก


        

         เคล็ดลับการลดน้ำหนัก...ดูง่ายๆ จากการกิน

   




การมีน้ำหนักสาเหตุหลักที่เป็นความเชื่อของหลายๆ คนนั้นก็คือการกิน เพราะเชื่อว่าถ้าเรากินเยอะจะทำให้เรานั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่ามันไม่ใช่เลยค่ะ ในบางทีการกินนั้นก็ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เหมือนกันนะค่ะ อย่างเช่น นิสัยของการกินของหลายๆ คนนั้นเองค่ะ อะๆ เริ่มจะ งง แล้วหล่ะสิค่ะว่า นิสัยของการกินนั้นจะเป็นเคล็ดลับในการลดน้ำหนัก ได้อย่างไร แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่านิสัยการกินในแบบไหนบ้างที่จะเป็น เคล็ดลับการลดน้ำหนัก ได้บ้าง ตอนนี้หลายคนนั้นก็คงอยากจะรู้แล้ว โดยเฉพาะสาวๆ เพระสาวๆ นั้นถือเป็นคนที่ชอบกินมาก แต่แบบอยากกินแล้วไม่อ้วนอะ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่านิสัยการกินในแบบไหนที่เป็น เคล็ดลับการลดน้ำหนัก ที่สาวๆ ควรรู้ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยจร้า เรามั่นใจเลยนะค่ว่า เคล็ดลับการลดน้ำหนัก ที่เราได้นำมาฝากกันนี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้สาวๆ ฟิน 100% เลยจร้า อิอิ

เคล็ดลับการลดน้ำหนัก

- ลดจังหวะ 
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ มักจะมีจังหวะในการทานอาหารที่เร็ว เร่งรีบ ลองเปลี่ยนจังหวะในการกินดูสิคะ จากเร็วๆ ค่อยๆ ปรับให้ช้าลง อย่าเร่งรีบ นอกจากจะทำให้คุณเหนื่อยกับการทานอาหารแล้ว ยังทำให้คุณ รู้สึกหิวไวขึ้นอีกด้วยล่ะค่ะ

- เพิ่มรสชาติซี๊ดซ๊าด คุณสาวๆ ที่ไม่ชอบทานอาหารรสจัด คงต้องเปลี่ยนความคิดกันแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าอาหารรสจัดๆ นั้น จะช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญได้ดีและเร็วมากขึ้นนะคะ ยิ่งถ้าหนักเครื่องเทศมากเท่าไหร่ นั่นก็จะช่วยทำให้ได้ผลในการเผาผลาญมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

- เน้นผักดีกว่ามั้ย 
สาวๆ ขา อย่าเพิ่งร้องยี้ กันนะคะ ผักทั้งหลายแหล่ที่คุณสาวๆ เห็นเนี่ยแหละค่ะ คือตัวช่วยชั้นยอดในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะผักต่างๆ ที่เราทานเข้าไปนั้น จะอุดมไปด้วยใยอาหาร ทำให้คุณสาวๆ อิ่มไวและนานมากขึ้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปพึ่ง อาหารขยะทั้งหลายอีกต่อไปเลยล่ะค่ะ

- โสม ของดีที่ไม่ควรพลาด 
ความเชื่อของคนเกาหลีส่วนใหญ่ มักจะบอกว่า รากของโสมนั้น เป็นตัวยาที่จะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้ แต่จริงๆ แล้วได้มีการอธิบายถึงสรรพคุณที่แท้จริง จาก Seoul Department of Internal Medicine ว่า…โสมเกาหลี จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดและควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างมาก ถ้าสาวๆ คนไหนสนใจ ก็หันมาดื่มชาที่ผสมโสม หรือจะเป็นซุปไก่สกัดที่มีส่วนผสมของโสมก็ได้นะคะ ดื่มกันเป็นประจำเช้า-เย็น รับรองว่า สูตรนี้จะช่วยทำให้คุณสาวๆ น้ำหนักลด คงที่ และแข็งแรงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

- เกาหลี๊ เกาหลี ก็ต้องกิมจิ 
ส่งท้ายการกินแบบวิถีของเกาหลี นี่เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลีดองหรือแบบสดๆ ก็ใช้ได้ นำผักกะหล่ำที่มีมาทำกิมจิ โดยเน้นส่วนผสมต่างๆ อย่างเช่น ขิง พริกผง และกระเทียม อ๊ะๆ นี่อาจจะไม่ใช่สูตรตายตัวของการทำกิมจิหรอกนะคะ แต่สิ่งสำคัญ อยู่ที่ว่า ถ้าคุณนำมาทานคู่กับอาหารในทุกๆ มื้อ จะช่วยทำให้ระบบการย่อยของคุณดีขึ้นได้นั่นเองค่ะ






วิธีการลดน้ำหนัก


         

         ซุบร้อนๆ ... อาหารช่วยลดน้ำหนัก






สำหรับสาวๆ ที่แบบว่ารักในการกิน แต่ไม่อยากอ้วนเรารู้ว่ามีจำนวนไม่น้อย แต่ในความคิดของหลายๆ คนแล้วกินไม่ให้อ้วนนั้นไม่มีจริง เป็นไปบ่ได้ ก็นะส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าวิธีการลดความอ้วนนั้นต้องกินอาหารให้น้อยลง ถ้าเกิดใครบอกว่ากินแล้วน้ำหนักลด ไม่เชี๊อ...ไม่เชื่อ วันนี้เราอยากจะขอบอกกันว่าอาหารที่กินแล้วไม่อ้วนนั้นก็มีค่ะ เพียงแค่หลายๆ คนไม่รู้เท่านั้นเอง แล้วเมนู 1 ใน อาหารช่วยลดน้ำหนักที่ได้นำมาฝากในวันนี้นั้นก็คือ ซุปนั้นเองค่ะ ไม่รู้หล่ะสิค่ะว่าซุปร้อนๆจะเป็นอาหารช่วยลดน้ำหนัก ได้ ซึ่งสำหรับสาวๆ ที่รักในการกิน เห็นทริปนี้คงจะฟินแน่ๆ เลยใช่ไหมหล่ะค่ะ แต่ว่า ซุบร้อนๆ นั้นจะเป็นซุบประเภทไหน อันนี้ของอุ๊ปไว้ก่แนนะค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราพาสาวๆ ไปรู้จักกับ ซุบร้อนๆ ... อาหารช่วยลดน้ำหนัก กันให้ระเอียดเลยดีกว่านะค่ะ

แนะนำ อาหารช่วยลดน้ำหนัก

ลองเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยซุปใสร้อนๆ สักถ้วย จะช่วยสกัดกั้นปริมาณการกินอาหารมื้อนั้นให้ลดลงจากเดิมได้ จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซิลเวเนียบอกว่า ผู้หญิงที่ทานซุปร้อนๆ ก่อนอาหารจานหลักอาหารกลางวันจะกินอาหารลดลงถึง 100 แคลอรี่ เมื่อเทียบกับอาหารจานหลักปกติ นั่นก็คือ อาหารที่มีปริมาณน้ำมากๆ จะทำให้กินได้น้อยลง บางคนอาจใช้วิธีดื่มน้ำเยอะๆ แทนก็ได้แต่จะได้ผลไม่เท่ากับทานซุปเพราะมีทั้งน้ำและเนื้อผสมกัน (ตามประสาคนชอบกิน) สาวๆ ที่อยาก ลดน้ำหนัก ลองเอาวิธีนี้ไปใชเดูนะคะ







วิธีการลดน้ำหนัก



                     

                เคล็ดลับการไดเอท....ด้วยน้ำอุ่น





จริงหรือไม่ที่เขาว่ากันว่ากินอะไรร้อนๆ จะช่วยให้แคลอรี่ในร่างกายถูกเผาผลาญไป เพราะเนื่องจากว่าเวลาเรากินอะไรที่แบบว่าร้อนๆ เข้าไป มันจะทำให้ร่างกายขับเหงื่ออกมา แล้วไปช่วยสลายแคลอรี่ในร่างกาย อิอิ เหมือนจะมั่วแล้ว แต่สำหรับสาวๆ ที่แบบว่าต้องการ เคล็ดลับการไดเอท ในแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องการความเยอะ แล้วหล่ะก็วันนี้เรามีมานำเสนอกันค่ะ อะๆ อยากรู้หล่ะสิว่า เคล็ดลับการไดเอท ที่เรานำมาฝากนี้จะง่ายและได้ผลแค่ไหน ขอบอกว่าเกี่ยวกับน้ำร้อนน้ำอุ่นโดยตรงเลยจร้า อิอิ งั้นเอาเป็นว่าเราไม่ต้องลีลาแล้วดีกว่า ไปดู เคล็ดลับการไดเอท....ด้วยน้ำอุ่น กันเลยดีกว่าค่ะ แต่ที่บอกว่า เคล็ดลับการไดเอท....ด้วยน้ำอุ่น นี้ไม่ใช่ให้มานั่งกินน้ำถุ่นเพียวๆ หรือว่าอาบน้ำอุ่นอะไรหรอกนะ มันมีอะไรที่มากกว่านั้นเยอะ รับรองว่า เคล็ดลับการไดเอท....ด้วยน้ำอุ่น สุดง่ายนี้จะเป็นเคล็ดลับ เคล็ดลับการไดเอท ที่สาวๆ จะต้องอึ่ง และนึกไม่ถึงอย่างแน่นอนค่ะ

เคล็ดลับการไดเอท

1. น้ำอุ่น + มะนาว
แช่มะนาวฝาน 1 ชิ้นลงใน น้ำอุ่น แล้วดื่ม กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของมะนาวจะช่วยระงับความอยากอาหาร ทำให้กินอาหารน้อยลง

2. น้ำอุ่น + กีวี
แช่กีวีหั่น 1 ชิ้นลงใน น้ำอุ่น เติมน้ำผึ้งเล็กน้อย แล้วดื่ม กีวีมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีน และอุดมด้วยใยอาหาร จึงกระตุ้นการย่อยของกระเพาะอาหาร
3. น้ำอุ่น + สะระแหน่
แช่สะระแหน่ 3 ใบลงใน น้ำอุ่น แล้วดื่ม สะระแหน่มีสรรพคุณกระตุ้นการเผาผลาญ กลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่เย็นสดชื่นยังทำให้สมองตื่นตัว ยิ่งส่งเสริมการเผาผลาญให้ดีขึ้น

4. น้ำอุ่น +ใบงาขี้ม้อน (ใบชิโสะ) + เกลือ
แช่ใบงาขี้ม้อน 1 ใบลงใน น้ำอุ่น เติมเกลือเล็กน้อย แล้วดื่ม ใบงาขี้ม้อนช่วยแก้ท้องผูก กระตุ้นให้ขับถ่ายสะดวก อีกทั้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค จึงป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษ







วิธีการลดน้ำหนัก
เพิ่มคำอธิบายภาพ


    

          จริงหรือไม่ "การบริจาคเลือดทำให้อ้วน"





การบริจาคเลือดถือเป็นอีกหนึ่งการทำบุณที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งวิธี เพราะถือว่าเป็นการช่วยต่อชีวิตคนอีกจำนวนไม่น้อย แต่ค่ะแต่จริงหรือไม่ค่ะที่มีเสียงแว่วๆ ออกมาว่า การบริจาคเลือดทำให้อ้วน อันนี้ไม่รู้เลยว่าจริงเท็จแค่ไหน เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ ก็เลยนำเอาเกร็ดเรื่องน่ารู้ที่ว่า การบริจาคเลือดทำให้อ้วน มาชี้แจ้งแถลงไขความจริงให้ได้รู้กันค่ะ แต่ถึงแม้ว่า การบริจาคเลือดทำให้อ้วน จะทำให้อ้วนจริงแต่อย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถที่จะแก้ไขได้ แต่อีกหนึ่งชีวิตที่ถ้าเกิดว่าหมดลงไปโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือยังงัยก็ไม่มีทางแก้ไขได้หรอกนะค่ะ เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าถึง การบริจาคเลือดทำให้อ้วน จะเป็นเรื่องจริงแต่คนเราทุกคนก็ไม่ได้หวั่นหรือกลัวความอ้วนเลยสักนิด แต่ที่เรานำมาบอกป็นเพียงความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจะรู้ไว้ใช่ว่านั้นเองค่ะ งั้นเอาเป็นว่าเวลานี้เราไปดูกันเลยค่ะว่าจริงๆ แล้ว การบริจาคเลือดทำให้อ้วน นั้จะจริงหรือไม่ค่ะ

จริงหรือไม่ "การบริจาคเลือดทำให้อ้วน"

เราไปถามผู้เชี่ยวชาญของสภากาชาดไทย เธอยอมรับว่ามีหลายคนที่เข้าใจผิดในเรื่องนี้จนเกิดความลังเลที่จะมา บริจาคเลือด แต่หลักฐานจากตัวจริงเสียงจริงของผู้ที่ บริจาคเลือด ถูก 3 เดือนก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะเธอและเขาเหล่านั้นแทนที่จะอ้วนตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง กลับมีรูปร่างที่ดีและมีสุขภาพที่สมบูรณ์ขึ้นกว่าเก่า
ชมรมผู้ บริจาคเลือด 100 ครั้งเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะสมาชิกกว่า 1,000 คนในชมรมแทบจะหาผู้ที่มีรูปร่างเกินพอดีไม่ได้เลยทั้งหญิงและผู้ชาย คุณปนัดดา วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทย บริจาคเลือด มาแล้วถึง 27 ครั้ง ตั้งแต่ก่อนสวมมงกุฎ ก็มีรูปร่างที่สวยงามเพรียวลมสมกับความเป็นยอดหญิงงามของประเทศ

สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือเรื่องของธาตุเหล็ก บางคนมา บริจาคเลือด แล้วกลัวอ้วน เพราะความเชื่อที่ผิด จึงรับประทานแต่น้อยหรือไม่รับประทานเลย ทำให้สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะผลิตธาตุเหล็กมาชดเชยกับการ บริจาคเลือด ความจริงแล้วทางผู้รับ บริจาคโลหิต แทบทุกแห่ง จะขอให้ผู้ บริจาคเลือด รับประทานยาเสริมธาตุเหล็กหลังการให้เลือดทุกครั้ง ซึ่งเพียงพอและเป็นผลดีต่อร่างกายอยู่แล้ว การรับประทานอาหารที่เพียงพอและมีประโยชน์ต่อร่างกายจึงควรเป็นไปเช่นเดิม

ความจริงก็คือ บริจาคเลือด จะทำให้ร่างกายมีความสดชื่นและมีการหมุนเวียนโลหิตที่ดีขึ้น ด้วยซ้ำ ผิวพรรณจึงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เราจึงควรช่วยกัน บริจาคเลือด เพิ่มเติมครับ เพื่อคนอื่นและเพื่อตัวเองด้วย







วิธีการลดน้ำหนัก


         

         เผย...เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลี






อาหารเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนเชื่อว่าถ้ากินเยอะๆ แล้วจะอ้วน กินประเภทนี้แล้วจะอ้วน ทำให้เรื่องกินกลายเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความระแวดระวังให้สาวๆ แต่อยากจะบอกว่าในบางทีการกินอาหารที่คิดว่ากินแล้วจะอ้วนนั้นกลับกินแล้วไม่อ้วนก็เป็นได้ อย่างเช่นวันนี้ที่ จะมา เผย...เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลีกันค่ะ สังเกตุได้เลยว่าดาราเกาหลีส่วนใหญ่จะมีหุ่นสวย หุ่นเป๊ะ หุ่นดีกันที่นั้เขาทานอะไรน๊า เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนนั้นสงสัยกับ เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลี แล้วว่าเขาทำกันอย่างไร อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลีกันได้เลยนะค่ะว่าจะเป็นอย่างไร แล้วจะง่ายขนาดไหน พร้อมที่จะเป็นสาวเกาหลี เอ้นย พร้อมที่จะมีหุ่นสวยแบบสาวเกาหลีกันรึยัง ถ้าพร้อมแล้วไปเราไปทำตาม เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาว กันเลยค่ะ Go!

เคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลี

1. กินผักให้เรียบ 
อาหารเกาหลี อย่างเช่น Bibimbap (ข้าวยำเกาหลี) และ Onmyeon (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) มีผักสีสันต่างๆ มากมายทั้งผักป่าและผักสนครัว และแม้ว่าคุณจะสั่ง Bulgogi (เนื้อวัวหมักย่าง) ก็มักจะมีผักเป็นเครื่องเคียง (โดยที่ไม่ต้องขอ) การกินผักเยอะๆ จะทำให้ท้องเราเต็มไปด้วยใยอาหาร และสารอาหารแคลอรีต่ำจนไม่เหลือที่ในกระเพาะอาหารไว้สำหรับอาหารขยะ
2. ปรุงด้วยรสจัด 
อาหารเกาหลีมีชื่อเสียงเรื่องรสชาติจัดจ้าน เครืื่องเทศหรือพริกต่างๆ มักจะถูกนำมาใช้ในอาหารเกาหลีเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าอาหาร แล้วยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักเนื่องจากการเติมเครื่องเทศรสจัดจ้านลงไปจะ ช่วยเร่งอัตราเผาผลาญพลังงานอีกด้วย

3. อย่าลืมกิมจิ 
กิมจิอาจจะเป็นอาหารที๋โดดเด่นที่สุดของเกาหลี โดยทั่วไปมักทำมาจากกะหล่ำปลีดองหรือกะหล่ำปลีสด แล้วนำมาปรุงรสกับขิง พริกผง และกระเทียม ถึงแม้ว่าจะมีหลากหลายสูตรมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือมันจะถูกนำมากินคู่กัลทุกๆ มื้อ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ากิมจิมีสารอาหารสูงมากและดีต่อระบบย่อยอาหาร ดังนั้น การกินกิมจิจะช่วยให้ขับง่ายถ่ายคล่องด้วยเช่นกัน

4. ลองโสมเกาหลีดูสิ 

เป็นเวลาหลานศตวรรษมาแล้วที่เกาหลีอ้างว่ารากโสมมีสรรพคุณมากมาย รวมถึงช่วยในการลดน้ำหนัก อันที่จริงแล้ว Seoul Department of Internal Medicine เปิดเผยว่าโสมเกาหลีอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งนี่อาจจะช่วยควบคุมความอยากน้ำตาลได้ด้วย หากใครไม่อยากดื่มชาโสม ก็น่จะลองซุปไก่ใส่โสมตามแบบเกาหลีดู บางทีอาจลดน้ำหนักได้เร็วกว่าที่คิดนะคะ
5. กินช้าๆ 
ปกติแล้้วการกินอาหารเกาหลี สำรับมักจะมาเป็นวงมากกว่าเป็นสำรับของแต่ละคน และการกินอาหารกับคนหมู่มากก็ทำให้เรากินช้าลง สมองก็จะมีเวลาสั่งการว่าอิ่มแล้วนะ เราจึงกินน้อยลง กินแล้วก็ต้องออกกำลังกายแบบสาวเกาหลีด้วย







วิธีการลดน้ำหนัก
เพิ่มคำอธิบายภาพ


           แนะนำ...เคล็ดลับการลดพุงง่ายๆ





การมีพุงเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวของสาวๆ ซะจริงๆ ก็แหม่ไม่ว่าสาวคนไหนก็ย่อมอยากที่จะมีหุ่นดี หุ่นสวย หน้าท้องแบนราบ ง่ายๆ ว่าทุกอย่างต้องเป๊ะอะค่ะ แต่เนื่องจากว่าคนเราทุกคนนั้นก็ใช่ว่าจะมีทุกอย่างที่เป๊ะดั่งใจ ก็ต้องมีทำเองกันบ้างหล่ะน๊าเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย แต่ไอ้เรื่องพุงนี้สิจะลดอะลดได้ แต่สิ่งที่รู้คือการลดพุงมันลดอยากมากเลยอ่า ฮือๆๆๆ จะทำยังงัยหล่ะค่ะที่นี้ อยากใส่ชุดรับรูปโชว์เเคลิฟที่เป็นตัว s สะหน่อยโอ้ม้ายยยยยยยย......มีพุงยื่นออกมาสะงั้นไม่ไหวแน่ๆ ก็อย่าได้เคลียดขนาดนั้นเลยค่ะเพราะวันนี้อยากจะบอกว่าจะมาแนะนำ...เคล็ดลับการลดพุงง่ายๆ ให้สาวๆ ได้หายเคลียดกันค่ะ อยากจะรู้แล้วสิค่ะว่า เคล็ดลับการลดพุงง่ายๆ ที่เราบอกกันนั้นจะเป็นอย่างไร อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู เคล็ดลับการลดพุงง่ายๆ กันได้เลยค่ะ

เคล็ดลับการลดพุงง่ายๆ

1. ทานผักกันเถอะ 
เริ่มจากวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำกันได้ทุกมื้อออาหารที่รับประทานกันทุกวันนะคะ เพียงแค่คุณสาวๆ รับประทานผักให้มากๆ การรับประทานผักให้มากๆ ให้ได้สัก 5 ครั้ง/วัน ทำให้ ลดพุง ได้เลยทีเดียว คุณอาจเลือกรับประทานผักเป็นอาหารว่าง ระหว่างวันบ้างก็ได้ และสำหรับคนที่เกลียดผักจริงๆ อาจจะเริ่มรับประทานแต่น้อยๆ ก่อนก็ไม่ว่ากัน ส่วนเนื้อสัตว์ คุณก็ไม่จำเป็นต้องอด เพียงแต่ลดประมาณลงบ้าง และรับประทานเนื้อสัก 2 – 3 มื้อ/อาทิตย์ก็พอ

2. อาหารเช้า 
สาวๆ ควรที่จะรับประทานแต่เช้าและรับประทานบ่อยๆ   การรับประทานอาหารแต่เช้า จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีตลอดทั้งวัน และมีโอกาสได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า เพราะถ้าคุณรับประทานอาหารเช้า ก่อนเวลาเที่ยงคุณจะไม่หิวแน่นอน แต่ถ้าคุณอดช่วงเช้า ก่อนเที่ยงคุณจะเริ่มหิวและอาจจะหาของขบเคี้ยวต่างๆ มารับประทานเล่น ซึ่งไม่มีประโยชน์ และทำให้อ้วนมากกว่าอาหารหลักอีก
3. การเดิน 
ควรเดินให้ได้ทุกวัน แรกเริ่มคุณอาจไม่ต้องเดินเยอะมากมายอะไรนัก เพียงเดินให้บ่อยขึ้นกว่าปกติ เช่น เปลี่ยนมาใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือ ลองเดินไปรับประทานอาหารกลางวันไกลๆ ดูบ้าง
4. ออกกำลังกาย 
โดยการบริหารหน้าท้องและเพิ่มกล้ามเนื้อ ก่อนนอนลองซิตอัพสัก 15 ครั้ง และถ้ามีเวลา ก็ออกกำลังกายบ้าง โดยจะเข้าฟิตเนสส์ เล่นแบดมินตัน หรือว่ายน้ำก็ได้ เพราะการออกกำลังกายทุกชนิด จะช่วยสลายให้ไขมันแปรสภาพเป็นกล้ามเนื้อ
5. เสริมวิตามิน 
รับประทานวิตามิน E เนื่องจากวิตามิน E จะช่วยป้องกันโรคหัวใจ ไข้หวัด และมะเร็งได้แล้ว วิตามิน E ยังช่วยป้องกัน หน้าท้องขยายได้ด้วย เพราะวิตามิน E นั้นมีสารต่อต้านอิซูลิน อันจะทำให้เราอ้วนได้

6. เปลี่ยนนิสัยบอกใจตัวเองไม่ให้เครียด 
เพราะถ้าคุณเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเก็บกดเวลาเครียดแล้ว ความเครียดตัวร้ายนี้จะไปเร่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ให้ทำงานมากขึ้น และเมื่อเรามีฮอร์โมนตัวนี้มากขึ้นเมื่อไร เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ก็จะส่งไขมันของเราไปกองที่หน้าท้องจนหมด อันจะทำให้เราพุงยื่นเหมือนชูชกได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเครียดจงหลับตาสูดหายใจลึกๆ ทำใจให้สบายจะดีกว่า
7. มาคบเพื่อนให้มากๆ  

เพื่อให้คุณได้สามารถพูดคุยหรือปรึกษาได้ โดยเฉพาะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการลดน้ำหนักเหมือนกัน จะยิ่งทำให้คุณลดน้ำหนักได้ดีขึ้นและสนุกขึ้น โดยคุณอาจจะแข่งกันออกกำลังกาย หรือแข่งกันรับประทานผักให้เยอะๆ โดยถ้าใครลดน้ำหนักได้มากที่สุดจะได้รางวัล แบบนี้การลดน้ำหนักจะยิ่งดูมีสีสันและสนุกขึ้น

8. ลดละเลิกแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด 
เพราะเบียร์จะทำให้หน้าท้องคุณ ยื่นได้อย่างน่าเกลียดแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้ดื่มแต่น้อย หรือจะเปลี่ยนมาดื่มไวน์แทนก็ไม่เลวเลย เพราะไวน์จะช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ดี







วิธีการลดน้ำหนัก


     

               เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น





ขาเรียวสวยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการ แต่ค่ะแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะค่ะที่เราจะมีขาเรียวสวยอย่างที่ต้องการ และถึงมีวิธีสาวๆ ส่วนใหญ่บางคนก็ขี้เกียจทำอะแบบว่าแต่ละเคล็ดลับวิธีนั้นก็ยุ่งยาก ลำบากอะสุดๆ อยากสวยนะจริงๆ แต่ว่ามันเยอะอะค่ะ ทำยังงัยดี นี้เป็นแบบนี้ก็แย่หน่ะสิค่ะสาวๆ อะๆ แต่ไม่ต้องห่วงไปค่ะเพราะว่าวันนี้นั้นมี เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น มาฝากกันค่ะ อะๆ ถูกใจหล่ะสิท่านี้เป๊นเทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่นเลยน๊าแล้วสาวๆ คนไหนจะไม่ชอบหล่ะจริงไหมหล่ะค่ะ อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราไปดู เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น กันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะเริ่ดแค่ไหน สาวๆ ทั้งหลายพร้อมกันหรือยังค่ะ ถ้าเกิดว่าสาวๆ พร้อมแล้วไปปฏิบัตตาม เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น กันเลยจร้า

แนะนำ เทคนิคการมีขาเรียว

1. ถนอมขาด้วยท่านั่ง
ไม่นั่งไขว่ห้าง คนที่นั่งไขว่ห้างเป็นประจำมักจะมีเส้นเลือดขอด เพราะการนั่งแบบนี้ทำให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวก ยิ่งถ้านั่งตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กระดูกขาอาจจะโก่ง ต่อให้ขาเรียวแค่ไหนก็หมดสวยอยู่ดี

อย่ายืนขาข้างเดียว น้ำหนักตัวคนเราไม่ใช่แค่สองสามกิโลเป็นภาระหนักมากสำหรับขา ที่จะต้องยืนแบกมันไว้ สิ่งที่ตามมาก็คือเส้นเลือดขอด ขาบวม และเส้นประสาทปลายเท้าที่อาจจะอักเสบ ถ้ายังไงควรจะรักขาอย่างยุติธรรม แบ่งงานให้เท่าทั้งสองข้าง เพื่อถนอมความสวยไว้ให้เรียวน่องของคุณไง

ยืดเส้นที่ขาทุกวัน เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อและสลายไขมันที่เกาะใต้ผิวหนัง จะได้ป้องกันเซลลูไลท์และอาการขาหมูไปในตัว

Tip : วิธียืดเส้นแบบง่ายๆ ให้นั่งกับพื้น ยืดหลังตรง กางขาทั้งสองข้างออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก้มตัวลง เหยียดแขนขวาไปแตะปลายเท้าขวา ค้างไว้ 10 วินาทีแล้วยืดตัวขึ้น จากนั้นหันไปแตะปลายเท้าซ้ายอีก10 วินาที ทำสลับไปมาหลายๆ ครั้ง

2. นวดต่อมน้ำเหลือง

ถ้าขาสวยอยู่แล้ว การนวดต่อมน้ำเหลืองจะช่วยป้องกันไม่ให้ขามีอาการบวมน้ำจนอวบเป็นหัวไชเท้า ขั้นตอนการนวดไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่นอนแช่น้ำอุ่นแล้วนวดเบาๆ ไล่จากข้อเท้าขึ้นมาหาต้นขา เพื่อให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี หลังจากขึ้นจากอ่างน้ำก็นวดซ้ำอีกรอบ วันรุ่งขึ้นขาอวบๆ จะเล็กลงอย่างน่าตกใจ คนที่มีไขมันสะสมที่ขามาก ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะช่วยสลายไขมันอย่างได้ผลด้วย
Tip : ถ้าที่บ้านไม่มีอ่างขนาดใหญ่ให้ลงไปนอนแช่ จะใช้วิธีผสมน้ำอุ่นในกาละมังใบใหญ่ๆ แล้วนั่งตัวตรง แช่เท้าลงไปพร้อมกับนวดสักครั้งชั่วโมงแทนก็ได้

3. เดินเล่นเพื่อขาสวย

คนที่ยืนนานๆ หรือนั่งอยู่กับที่นานๆ มักจะมีเส้นเลือดขอด การเดินนี่ล่ะจะช่วยเรียกขาเรียบเนียนกลับมาหาคุณอีกครั้ง ยิ่งเดินนานเท่าไรไขมันสะสมก็จะยิ่งหมดไป ทำให้น่องกระชับ แต่ถ้าอยากสนุกมากกว่านั้น อาจจะเปลี่ยนจากเดินมาเต้นรำแทนก็ไม่เลว จะได้ทั้งขาสวยและความลั้นลาในเวลาเดียวกัน
     






วิธีการลดน้ำหนัก


   

          รู้หรือไม่ "เคล็ดลับการกินอย่างไรไม่ให้อ้วน"





เมื่อพูดว่ากิน เราก็รู้ได้แน่นอนอยู่แล้วว่าการกิน กับความอ้วนนั้นเป็นของที่คู่กัน ทำให้เกิดความสงสัยของคนที่ไม่อยากอ้วนว่า มีไหมค่ะ เคล็ดลับการกินอย่างไรไม่ให้อ้วน เนี๊ย หรือว่าทุกครั้งที่กิน เราจะต้องมีการเพิ่มน้ำหนักไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องกินสาวๆ จำนวนไม่น้อยแทบวิ่งชนเข้าให้ แต่พอพูดถึงความอ้วนแทบอยากจะแดดิ้นสิ้นชีวิตเอาให้ได้ ก็ในเมื่อการกิน กับความอ้วนต้องมาฟิจเจอร์ริ่งกันทุกครั้ง แล้วสาวๆ จะเลือกเอาอย่างนึง ทิ้งอีกอย่างนึงได้หรอค่ะเนี๊ย ทำไมจะไม่ได้หล่ะค่ะ ที่จริงการกินกับความอ้วนไม่ใช่เพื่อนกันสะหน่อยถ้ากินอย่างถูกวิธี วันนี้ก็เลยได้นำเอา เคล็ดลับการกินอย่างไรไม่ให้อ้วน มาฝากสาวๆ กันค่ะ อยากรู้หรือยังค่ะว่า เคล็ดลับการกินอย่างไรไม่ให้อ้วน ที่เราจะนำมาฝากสาวๆ นี้เป็นอย่างไร ถ้างั้นเราก็ไปดู ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันได้เลยค่ะ ไปลดความอ้วนด้วยการกินพร้อมๆ กันนะค่ะ

เคล็ดลับการกินอย่างไรไม่ให้อ้วน

ช็อกโกแลต ขนมที่สาวๆ ขาดไม่ได้ก้อนนี้ ให้พลังงาน 135 แคลอรีต่อชิ้น ทีนี้เวลาจะกินนับด้วยนะว่าเคี้ยวไปกี่ชิ้น อ้วนไปกี่ขีด..
เค้ก นี่ก็สุดยอดของโปรดของสาวๆ อีกเช่นกัน เค้กก้อนหนึ่งให้พลังงาน 235 แคลอรี วันเกิดแต่ละปีอ้วนขึ้นไปกี่โล เดากันเอาเอง

ไอศกรีม 
เห็นเย็นๆ เนื้อเบาๆ อย่างนี้ ไอศกรีม 1 ถ้วยแฝงความอ้วนไว้ถึง 300 แคลอรี นี่ล่ะสวยประหารของจริง
กล้วยบวชชี แม่ชีนางนี้มีพลังงานน้อยมาก กิน 5 ชิ้นจะให้พลังงานแค่ 152 แคลอรีเท่านั้น แต่จะได้วิตามินจากกล้วยเพียบ
กล้วยแขก ถึงจะเป็นกล้วยเหมือนกันแต่ความอ้วนผิดกันลิบ สาวๆ ที่ชอบกินกล้วยแขกจึงต้องระวังปากกันให้ดีๆ เพราะกล้วยแขก 5 ชิ้นให้พลังงานสูงถึง 252 แคลอรี กินเสร็จผลงานความตะกละจะไปโชว์ตัวอยู่ที่หน้าท้อง ให้โลกรู้ว่าไปทำอะไรมา

ขนมครก
 ถึงถ้วยจะเล็กแต่ความอ้วนไม่ได้เล็กไปด้วย 1 ถ้วยให้พลังงาน 92 แคลอรี แต่เวลากินใครล่ะจะกินแค่ถ้วยเดียว

น้ำส้มคั้น น้ำนางเอกแก้วนี้เธอแอ๊บแบ๊วพลังงานไว้ที่ 160 แคลอรีต่อแก้ว โปรดคิดให้ดีก่อนจะหลงเชื่อหน้าสวยๆ ใสซื่อ เราเตือนคุณแล้วนะ!

กาแฟ จำนวนแคลอรีของกาแฟแก้วนี้ขึ้นอยู่กับคนชง ถ้าใส่น้ำตาล 2 ช้อนชา ครีมเทียมอีก 2 ช้อนชา คุณจะได้พลังงานไปเต็มๆ 62 แคลอรี แต่ถ้ามือหนักกว่านี้ แคลอรีก็จะเพิ่มตามไปด้วย
ขนมปังขาว ถ้ากินแบบเพรียวๆ ไม่ได้ทาเนยคุณจะได้พลังงานแค่แผ่นละ 68 แคลอรี ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด

น้ำอัดลม สาวกน้ำอัดลมโปรดทราบ น้ำอัดลม 1 แก้วให้พลังงาน 110 แคลอรี วันหนึ่งคุณกินเข้าไปกี่แก้ว ..
เฉาก๊วย ถึงตัวจะดำแต่ใจดี เพราะเฉาก๊วยทั้งถ้วย มีพลังงานแค่ 18 แคลอรีเท่านั้น จะกินแก้ร้อน แก้เซ็ง หรือกินแก้เศร้า ก็ไม่ย้อนกลับมาทำให้เราช้ำใจ

นมสด นมสดธรรมดาครึ่งถ้วยตวงให้พลังงานถึง 150 แคลอรี นักดื่มนมเพื่อสุขภาพ คงต้องเปลี่ยนมาดื่มนมพร่องมันเนยกันแล้วล่ะ จะได้สุขภาพดีไม่มีไขมัน






วิธีการลดน้ำหนัก




  เผย "การทานช็อกโกแลตช่วยลดความอ้วนได้"




ช็อกโกแลต เป็นอะไรที่สาวๆ หลายๆ คนนั้นชอบทาน แต่เนื่องจากคำว่าอ้วนคำเดียวเท่านั้นเองค่ะที่ทำให้สาวๆ กลัวการทานช็อกโกแลต อย่างฝุดๆ  ก็อย่างที่หลายๆ คนนั้นเคยได้ยินกันว่าการทานช็อกโกแลตนั้นจะทำให้เราอ้วน อร๊ายยย แค่คำว่าอ้วนหยุดทุกอย่างได้ในทันที แล้วเราจะเลิกทานอะไรที่เราชอบนั้นหรอค่ะ ไม่เอาอะไม่ยอมหรอกจะกินๆ โถ่ถ้าจะชอบกินขนาดนี้ทำไมถึงจะกินไม่ได้หล่ะค่ะ วันนี้จะมาเผย "การทานช็อกโกแลตช่วยลดความอ้วนได้" นะค่ะ ว้าวว ทีนี้แหละค่ะสาวๆ จะได้ฟินกับการกิน ช็อกโกแลต ให้ฝุดๆ เบย แต่เอแล้วที่บอกว่ากินช็อกโกแลต แล้วอ้วนอะ แล้วทำไมวันนี้ถึงบอกว่าไม่อ้วน เชื่อว่าสาวๆ นั้นก็คงจะ งง อยู่ว่าจริงๆ แล้วอ้วนหรือไม่อ้วนกันแน่ แต่ขอบอกว่าทริปนี้ การทานช็อกโกแลตช่วยลดความอ้วนได้ อย่างแน่นอนค่ะ อิอิ อะงั้นเอาเป็นว่าเราไปดูรายละเอียดกันก่อนเลยดีไหมค่ะว่าจริงๆ แล้ว การทานช็อกโกแลตช่วยลดความอ้วนได้ ได้จริงหรือไม่

รู้หรือไม่ การทานช็อกโกแลตช่วยลดความอ้วนได้

มีการวิจัยเกี่ยวกับช็อกโกแลตค่ะ การวิจัยนี้ทดสอบโดยอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีโดยมีชาย 7 คนหญิง 8 คน และแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มที่ 1 กิน dark chocolate วันละ 100 กรัม อีกกลุ่มหนึ่งกิน white chocolate 90 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 15 วัน 

ผลที่ได้คือกลุ่มที่กิน dark chocolate ทุกคนมีความดันโลหิตลดลง และมีความไวต่ออินซูลินซึ่งเป็นตัวสำคัญในการเผาผลาญน้ำตาลมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่กิน white chocolate ความดันโลหิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากว่า  dark chocolate  มีระดับฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาก ซึ่งเป็นสารเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดอีกด้วยค่ะ ส่วน white chocolate ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า นมอาจเป็นตัวที่ขัดขวางการดูดซับฟลาโวนอยด์นั่นเองค่ะ นอกจากนี้ในงานวิจัยยังระบุอีกด้วยว่าควรกิน dark chocolate ในปริมาณเทียบเคียงกับระดับแคลอรี่ที่เราทานในแต่ละวัน โดยที่ dark chocolate 100 กรัมให้พลังงาน 500 แคลอรี่ค่ะ ง่ายๆ ก็ทาน dark chocolate วันละ 100 กรัมก็ได้ค่ะ







วิธีการลดน้ำหนัก



ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ... จากการอาบน้ำ





การมีหน้าท้องที่ยื่นออกมาเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักใจ และเป็นปัญหาที่ทำลายความมั่นใจของหลายๆ คนโดยเฉพาะคุณผู้หญิง จะเป็นอย่างไรค่ะถ้าผู้หญิงเราแต่งตัวสวย แต่ดันมีพุงยืนออกมา โอ้ม๊ายย เมื่อมีปัญหานี้สาวๆ ก็ไม่กล้าที่จะใส่หรอกค่ะชุดรัดรูปอะ มีมั้ยน๊าวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ทำไมจะไม่มีหล่ะค่ะ แล้วขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าวิธีลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ที่เราได้นำมาฝากนี้เป็นวิธีที่ง่ายจริงๆ ค่ะ ง่ายมากๆ ซื่งหลายๆ คนนึกไม่ถึง นั้นก็คือวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ด้วยการอาบน้ำนั้นเองค่ะ ห๊ะ อะไรนะ อาบนี้นี่นะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ที่ได้ผล ไม่อยากเชื่อเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ ตอนนี้มั่นใจว่าหลายๆ คน ทั้ง งง และ สงสัย กันอย่างมากแล้วว่าการอาบน้ำนี้จะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ถ้างั้นอย่ามัวรีรออยู่เลยนะค่ะ เราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่านะค่ะว่าการอาบน้ำจะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ได้อย่างไร

แนะนำการ ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ

Step 1
ขั้นตอนแรก เหมือนเดิมนะคะ เตรียมน้ำอุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส
Step 2

นั่งคุกเข่าในน้ำในท่าตัวตรงยืดอก ใช้มือแนบที่บริเวณหน้าท้องช้าๆ ค่อยๆ ลูบกดลงเบาๆ ประมาณ 20 ครั้ง
Step 3

หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือคลึงบริเวณหน้าท้อง ในลักษณะวงกลมวนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง
Step 4

ฉีดน้ำอุ่นที่ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าท้อง







วิธีการลดน้ำหนัก



           รู้หรือไม่ยางรัดผม ลดพุงได้ง่ายๆ





พุงถือว่าเป็นปัญหาที่แบบว่า...ไม่ใช่สิ! เขาเรียกว่าเป็นตัวชี้ชะตาในการดูหุ่นของคุณผู้หญิงอย่างเราๆ เลยก็ว่าได้ ต่อให้แบบด้านข้างอย่างเป๊ะ แต่แบบด้านหน้ายื่นออกมา โอ้วน้อววว...ชัดเลยสิแบบนี้การันตีชัดเลยว่าแบบเสียความมั่นในเว่อร์ ไม่ใช่อะไม่ใช่ต้องไม่ใช่แบบนี้สิน๊า... แต่ถ้าจะว่าไปแล้วพุงก็ใช่ว่าจะลดได้ยากอะไรนะค่ะ ถ้าแบบเรารู้วิธีที่ถูกต้อง แต่ก็อย่างว่าแต่ละวิธีก็มีเยอะจัดไม่รู้ว่าวิธีไหนที่แบบได้ผลชัวร์ๆ อะไรแบบนี้เนี๊ย... อยากจะบอกแต่ขอถามก่อนนิสนึงว่า สาวๆ รู้หรือไม่ยางรัดผม ลดพุงได้ง่ายๆ ด้วยนะจร้า ห๊ะ! อะไร ยางรัดผมช่วย ลดพุงได้ง่ายๆ โอ้ววน้อววว ม๊ายยยเจงงง ยางรัดผมนี่นะจะเป็นเคล็ดลับเด็ดช่วยในการ ลดพุงได้ง่ายๆ หึหึหึ สงสัยจะโกหก ไม่ค่ะไม่ ขอบอกเลยนะค่ะว่านี่ไม่ใช่เคล็ดลับโกหกหรือว่ามั่วอะไรเลย จริงๆ ค่ะว่า ยางรัดผมนั้นสามารถช่วย ลดพุงได้ง่ายๆ จริงๆ งั้นอย่ามัวสงสัยเลยเดี๊ยวจะเยอะ เอาไปว่าเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่าจริงๆ แล้วนั้นมันเป็นยังงัยมายังงัยกันน๊า...กับเคล็ดลับ ลดพุงได้ง่ายๆ ด้วยยางรัดผมแบบนี้

เคล็ดลับ ลดพุงได้ง่ายๆ

ง่ายๆ เลยจากการที่เราทิ้งตัวลงนั่ง เหยียดขาให้ตึง โดยที่เท้าทั้งสองข้างแนบชิดกัน และยกปลายเท้าตั้งขึ้น จากนั้นก็นำยางรัดผมแบบหนา (อาจจะมีส่วนผสมของไหมพรมเพื่อไม่ให้รัดจนเจ็บเกินไป) มาคล้องลงไปในหัวแม่เท้าทั้งสองข้างที่ติดกัน (อย่าพยายามให้ส้นเท้าแยกจากกัน) เสร็จแล้วก็นอนราบลงกับพื้น เพียง 5 นาทีต่อวัน พุง ของคุณก็จะสามารถแบนราบได้โดยที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ซึ่งวิธี ยางรัดผม ลดพุง นี้ คนที่คิดค้นเขาบอกว่า เมื่อกระดูกบั้นเอวเกิดอาการเบี้ยว โย้เย้ อยู่ไม่ตรงที่แน่นอนนั่นเอง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กล้ามเนื้อบั้นเอว และหน้าท้องของเรานั้นหยุดการทำงานที่ดีไป ดังนั้นเมื่อเราได้ใช้หนัง ยางรัดผม ลงไปที่นิ้วหัวแม่เท้า ซึ่งเป็นจุดสำคัญของร่างกายที่จะไปช่วยบังคับการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนั้นให้ทำงานดีขึ้นและตรงเป้าหมาย ช่วยให้กระดูกบั้นเอวของเรากลับคืนมาสู่ในที่ตั้งอันมั่นคง เป็นปกติ คือไม่เบี้ยวโย้เย้ กล้ามเนื้อหน้าท้องและรอบบั้นเอวก็จะค่อยๆ แบนราบลง








วิธีการลดน้ำหนัก


     เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ"




การมีพุงนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สาวๆ ทั้งหลายนั้นไม่ปรารถนา โอ๊ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะสาวๆ นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆ หรือรุ่นไหนก็ตามไม่มีใครหรอกค่ะที่จะอยากมีพุงแบบโย่ๆ ให้กวนป่วนใจ โดนเฉพาะผู้หญิงเลยอะ ถ้าแบบมีพุงนี้ขาดความมั่นใจไปเลยนะค่ะ แบบว่าจะใส่อะไรก็ปลิ้น โดยเฉพาะไอ้ประเภทเสื้อผ้ารัดรูปอะไรแบบเนี๊ย ถ้ามีพุงนี้นางจะรับกันไม่ได้เลยทีเดียว แต่จะว่าไปแล้วนั้นเขาว่ากันว่าพุงเป็นอวัยวะที่แบบว่าลดยากสุดๆ แล้วทีนี้จะมีไหมค่ะวิธี การมีหน้าท้องที่แบบราบ ในแบบง่ายๆ เนี๊ย มีมั้ยๆ มีสิค่ะอย่าได้กังวลไป เพราะว่าวันนี้ นั้นได้นำเอา เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ" มาฝากกันด้วยค่ะ อะๆ สาวๆ เริ่ม ที่จะอยากรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ" ที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นอย่างไร อะถ้างั้นแล้วอย่ามัวสงสัยให้เสียเวลากันเลยดีกว่านะค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ" นี้จะเป็นอย่างไร จะง่ายขนาดนั้น แล้วสาวๆ จะสัมผัสได้ถึง เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ" ได้หรือไม่ เราไปทำตาม เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อ "การมีหน้าท้องที่แบบราบ" กันเลยจร้า

แนะนำ การมีหน้าท้องที่แบบราบ

1. ท่าบริหารหน้าท้องส่วนกลาง
- นอนหงาย ตั้งเข่าขึ้น แล้วพับเข่ามาตั้งฉากสองมือ แตะใบหู หายใจเข้า
- หายใจออก แล้วยกไหล่ขึ้นให้พ้นพื้น
 เกร็งค้างไว้ให้นาน ที่สุด ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

2. ท่าบริหารหน้าท้องส่วนบน
- นอนหงาย ตั้งเข่าขึ้นเล็กน้อย สองมือแตะใบหู หายใจเข้า
- หายใจออก ค่อยๆ ยกหัวไหล่ให้
ลอยขึ้น แล้วเกร็งค้างไว้ให้นานที่สุด
- เมื่อวางลงแล้วหายใจลึกๆ ทำซ้ำ
 10-15 ครั้ง

3. ท่ากรรเชียง
- นอนหงาย พับขาซ้ายขึ้นงอตั้งฉาก เหยียดแขนซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ มือขวาแตะเข่าซ้าย หายใจเข้า
- หายใจออก ยกศีรษะขึ้น แล้วแตะสลับ ทำเช่นนี้
ไปเรื่อยๆ ตามความพอใจ

4. ท่าบริหาร หน้าท้องส่วนล่าง

- นอนหงาย หายใจเข้า
- หายใจออก ยกขาทั้งสองข้างขึ้นตั้งฉาก เหยียดตรง หายใจเข้าลึก แล้วหายใจออก ค่อยๆ เอนขา
ทั้งสองข้างลงช้าๆ พร้อมกับเกร็งหน้าท้องไว้ เอนขาลงมาเกือบถึงพื้นและเบรกไว้ ทำซ้ำจนทำไม่ไหว








วิธีการลดน้ำหนัก


             เผยเคล็ดลับ....กระชับต้นแขน





เมื่อหุ่นเป๊ะ ผิวพร้อม หน้าสวยแล้ว แต่เอ! ทำไมแขนยังเป็นมัดๆ แบบนี้อะ โอ้ยๆๆ กว่าทุกอย่างจะดูดีทำไมถึงยุ่งยากเยี่ยงนี้ เกิดเป็นผู้หญิงแท้จริงแสนลำบาก พอจะสวยครบก็มีตรงนั้น ตรงนี้มาให้แก้ โอ้...น้อววววว ลดความอ้วน ลดพุง ลดได้ แล้วลดแขนนี้จะลดอย่างไรกันหล่ะเนี๊ย มีไหมค่ะ วิธีลดต้นแขน แบบง่ายๆ อะมีมั้ย โหวถ้าสาวๆ จะเรียกร้องมาขนาดนี้มีเหรอค่ะ ในเมื่อสาวๆ ต้องการขนาดนี้ วันนี้เราก็เลยจะมา เผยเคล็ดลับ....กระชับต้นแขน มาฝากกันแล้วจร้า อะๆ เริ่มจะฟินและก็อยากจะรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน นี้จะเป็นอย่างไร เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนนั้นคงจะกำลัง งง อยู่แน่ๆ ว่ามี เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน แบบนี้ด้วยหรอ อะงั้นก็อย่ามัวนั่ง งง นั่งสงสัยกันอยู่เลย เราไปดู พร้อมปฏิบัติตาม เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน วิธีนี้กันเลยจร้า บ่องตง ง่ายฝุดๆ รับรองว่าสาวๆ จะได้ฟินไปกับ เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน อย่างแน่นอนจร้า

เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน

อุปกรณ์ที่ใช้เอาตามที่สะดวกอ่ะค่ะ จะใช้ดัมเบล หรือขวดน้ำ ก็ได้ค่ะ

1. ยืนตรงแล้วแยกเท้าออกจากกันประมาณความกว้างของช่วงไหล่ ถือขวดน้ำไว้ในมือทั้งสองข้างเสร็จแล้วงอแขนแนบลำตัว โดยให้ฝ่ามืออยู่ระดับไหล่..
2. ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ทำพร้อมหมุนแขนไปข้างหน้าและโน้มตัวไปข้างหน้า.
3. ยืนแยกเท้าออกจากกันให้มากๆ งอเข่าเล็กน้อย แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างให้อยู่เหนือศรีษะ.

4. ยืนเท้าชิดกัน แล้วปล่อยแขนแนบชิดลำตัว.

5. ทำซ้ำตั้งแต่ท่าที่ 1-4 ทำจนครบ 24 ครั้ง (พักสักครู่เมื่อทำครบ 12 ครั้ง) เมื่อคุณได้บริหารร่างกายตามขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นประจำทุกวัน คุณก็จะมีต้นแขนและลำตัวที่กระชับได้สัดส่วน รูปร่างก็จะสวยเข้ารูปไม่เสียทรง กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวก็จะแข็งแรงขึ้นอีกด้วย.
ตัวช่วยอีกอย่างก็คือ ใช้เกลือลดไขมันนวดวนๆที่แขนตอนอาบนำบ่อยๆ แล้วก็ทาครีมที่มันช่วยสลายไขมัน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะค่ะ










วิธีการลดน้ำหนัก



                     เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย





ขาเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่แบบว่าไม่ค่อยได้รับการดูแลและถูกมองข้าม แต่ขาเป็นอวัยวะที่แบบมามีประโยชน์ต่อคนเราอย่างที่สุด ถ้าแบบว่าไม่มีขานี่ถึงกับลำบากก็ว่าได้เลยจร้า แต่ก็นะหลายๆ คนนั้นมักที่จะลืมให้ความสนใจกับขาของเราอยู่บ่อยๆ ถ้าขาพูดได้ก็คงจะบอกว่า ดูแลเรามั่งเถอะ อะไรประมาณนี้ เอ้าแล้วถ้าเกิดเราจะดูแลหรือว่าบริหารขา เราจะทำยังงัยหล่ะค่ะ วิ่งหรอก หรือว่านวด เอ๊ะ....มันมีวิธี บริหารขา แถมช่วยให้ขาสวยด้วยหรอค่ะเนี๊ย มีรึป่าว มีสิค่ะะเพราะว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างการขอเรานั้นทำงานหนัก เพราะฉะนั้นแล้วอวัยวะทุกส่วนจึงต้องมีการบริหาร แล้ววันนี้ ก็เลยมี เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย มาแนำนำกันค่ะ สำหรับ เคล็ดลับ "บริหารขา" นี้ก็ไม่ต่างกับการออกกำลังกายขาดีๆ นี่เองค่ะ เป็นการ บริหารขา ก่อนนอนที่ไม่ยากและไม่อยากให้หลายๆ คนพลาด งั้นเอาเป็น่าตอนนี้เราได้ทำตาม เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้้ขาสวย ที่เรานำมาฝากในวันนี้กันเลยดีกว่านะค่ะ

แนะนำเคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย

วิธี บริหารขา ก่อนเข้านอน มีดังต่อไปนี้

1. นอนหงายกับพื้น หาหมอนรองก้นไว้กันเจ็บ

2. ยกขาทั้งสองขึ้น เหยียดให้ตรง ค้างไว้ 2 นาที

3. ยังยกขาอยู่ แยกขาออกจากกัน แล้วหุบขาชิด ทำไปมา 20 ครั้ง

4. ปั่นจักรยานกลางอากาศสัก 100 ครั้ง
5. เปลี่ยนท่า นั่งกับพื้น เหยียดขา จากนั้นตีขาไปมากับพื้น 100 ครั้ง
ถ้าอยากให้ขาเล็กลง ก็ลองปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำก็ได้








วิธีการลดน้ำหนัก



              รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน





อากาศร้อนๆ แบบนี้ถ้าได้ไอติมหวานๆ หอมๆ เย็นสักถ้วยก็คงจะดีมากๆ คงจะชื่นใจฝุดๆ แต่สำหรับสาวๆ แล้วนั้นรู้ได้ทันทีเลยว่าไอติมเนี๊ยตัวอ้วนเลยจร้า แต่ก็ชอบกินอะนะ แล้วยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้อย่าให้พูดเลยค่ะต้องการมากๆ อ้วนก็ยอมอะบ่องตง แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปหรอกนะค่ะที่แบบว่ากินไอติมแล้วจะอ้วน ถ้าเราเลือกกิน อะ พูดว่าเลือกกินไอติมเชื่อว่าหลายๆ คนตอนนี้นั่ง งง อะ เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกกินไอติมยังงัยให้ไม่ให้อ้วนใช่ไหมหล่ะค่ะ โหวว ง่ายๆ มากกๆ เลยค่ะ เราก็เลือกจาก รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน สิค่ะ อะ งง ไปใหญ่ ที่จะบอกก็สั้นๆ เลยค่ะ ถ้าอยากจะกินไอติมของโปรดให้ไม่อ้วน เราก็เลือกจากรสชาติของไอติมไงค่ะ หาย งง ยัง ถ้ายังไม่หาย จะพาสาวๆ ทั้งหลายไปดู ไปพิสูจน์กันว่า รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน เนี๊ย มีจริงๆ น๊า แล้ว รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน จะมีรสชาติไหนบ้าง เอ... จะใช่รสชาติที่คุณสาวๆ ชอบมั้ยน๊าา เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่า รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน มีสชาติไหนหันบ้าง ไปดูเลยจร้า

รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน

Frozen Yogurt
สาวๆ หลายคนรู้จักเจ้า Frozen yogurt นี้เป็นอย่างดี เพราะมีขายกันเยอะแยะมากมาย ไอติมชนิดนี้เป็นไอติมที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์และส่วนใหญ่ไขมันจะต่ำสุดๆ เลย เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไดเอท รสชาติอร่อย ชื่นใจ

Sherbet

ไอศกรีม ผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล และไข่ขาว และไม่ใส่นมหรือครีม แต่บางทีเราก็จะพบไอติมเชอร์เบทที่มีส่วนผสมของนมหรือครีมบ้าง เพื่อให้เนื้อของไอติมแน่นและเข้มข้นขึ้น เวลาที่สาวๆ กินก็นิยมกินพร้อมผลไม้สด ซึ่งเลือกได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยวหรือรสหวาน

Soft – Serve
ไอศกรีม นมเนื้อเนียนนุ่ม ส่วนผสมจะต่างจากไอติมธรรมดา ความเก๋ของ ไอศกรีม ชนิดนี้อยู่ที่ปริมาณไขมันที่ต่ำกว่าไอติมทั่วไป ไม่ต้องแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ แต่จะนำส่วนผสมใส่เครื่องแล้วบีบใส่โคนหรือถ้วยเสิร์ฟได้เลย ความเก๋อีกอย่างคือเนื้อของไอติมชนิดนี้จะบางและเบา เพราะผ่านการตีในเครื่องจนเนื้อไอติมฟูและมีอากาศอยู่ในเนื้อไอติมอยู่มาก เวลาที่เรากินไอติมซอฟท์เสิร์ฟ 1 ถ้วย ปริมาณเนื้อไอติมจริงๆ จึงน้อยกว่าไอติมทั่วไป จึงจัดเป็นไอศกรีม ที่เหมาะกับสาวๆ ที่กำลังไดเอทค่ะ

Sorbet

Sorbet นี่เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกับ Sherbet แค่ชื่อก็คล้ายกันมากๆ แล้ว ยังเป็นไอติมที่กินได้ในช่วงลดน้ำหนักเหมือนกันอีกด้วย โดยชอร์เบทเป็นไอติมที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล อาจมีส่วนผสมของเหล้าหรือกาแฟด้วยก็ได้ แต่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่ขาวเหมือน Sherbet แต่รสชาติอร่อยแถมไม่มีไขมันหรือแคลอรีสูงๆ

แต่อย่าเพิ่งดีใจไป แม้ว่า ไอศกรีม เหล่านี้จะกินได้สบายๆ ในช่วงลดน้ำหนัก แต่ก็ควรคุมให้กินแต่พอดี ไม่ใช่เห็นว่ากินได้เลยซัดโฮกซะเต็มที่ ต่อให้เป็น ไอศกรีม ที่ไขมันต่ำยังไง ถ้ากินเยอะๆ ก็อาจจะอ้วนได้เหมือนกัน…









วิธีการลดน้ำหนัก



                วิธีกําจัด เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง





เซลลูไลท์คือไขมันในร่างกายที่รวมตัวกันเป็นก้อนแล้วช่วยกันผนึกกำลังผลักผิวชั้นใต้ผิวหนังออกมา แล้วก็ทำให้ผิวหนังนั้นเป็นแบบขรุๆ ขระๆ อีกทั้งยังเป็นตัวการทำให้การไหลเวียนของโลหิตนั้นช้าลงอีกด้วย และที่สำคัญคือเจ้าเซลลูไลท์อะไรเนี๊ย ผู้หญิงไม่ชอบจร้า โดยเฉพาะ เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง จัดว่าเกลียดอะ บ่องตง เพราะแบบเป็นอะไรที่กำจัดยากมากๆ แต่มันก็นะชอบจังชอบอยู่กับผู้หญิงจัง จะสังเกตุว่าอะไรที่ผู้หญิงไม่ชอบ นั่นแหละคือสิที่ผู้หญิงมีเยอะ แต่เรื่องอะไรก็แล้วแต่ชั่งมัน เพราะวันนี้เรื่อง วิธีกําจัด เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง ที่ ได้นำมาฝากในวันนี้สำคัญกว่าจร้า และขอบอกเลยว่า วิธีกําจัด เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง นี้เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ และเชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนก็คงจะกำลังตามหาวิธีแบบนี้อยู่แน่นอน อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วเราไปดู วิธีกําจัด เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง กันเลยดีกว่าค่ะว่าจะง่ายขนาดไหน

เซลลูไลท์บริเวณต้นแขนและพุง กำจัดได้ง่ายๆ

สาเหตุของการเกิด เซลลูไลท์
1. ได้รับพลังงานจากอาหารแล้วใช้ไม่หมด พลังงานส่วนเกินจะถูกแปลงเป็นไขมัน ครึ่งหนึ่งของไขมันจากพลังงานส่วนเกินนี้ จะสะสมที่เซลล์ไขมันบริเวณใต้ผิวหนัง2. เนื้อเยื่อที่เกาะเกี่ยวกัน(อิลาสติน) อ่อนแอลงจนขาดความยืดหยุ่น(โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น) เมื่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแข็งรัดล้อมรอบไขมัน จะทำให้เห็นไขมันเป็นตุ่มๆ ขึ้นมาชัดเจนขึ้น

การแก้ปัญหา เซลลูไลท์ สามารถทำได้โดย

1. ลดปริมาณไขมันสะสมใต้ผิวหนัง โดยการลดการบริโภคไขมันและน้ำตาล
2. การออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเผาผลาญ
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
3. ทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันแข็งแรงขึ้น โดยการ
นวดเบาๆ วนเป็นวงกลม และอาจใช้มือบีบย้ำตามจุดที่นวด เช่น แขน ต้นขา หรือ หน้าท้อง โดยอาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ครีมหรือโลชั่นควบคู่ไปด้วยตามบริเวณที่มี เซลลูไลท์ โดยใช้โลชั่นเนื้อบางเบาที่ซึ่มซาบสู่ผิวได้ดี เพื่อช่วยปรับสภาพผิวที่มีปัญหาผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ให้ดูเรียบเนียน กระชับ นุ่มลื่นขึ้น และอาจเลือกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น มาคาดิ มินต์ Makadi mint ( พืชตระกูลมินท์จากอินเดีย ) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานใต้ผิว ลดการสะสมไขมัน คาเฟอีน ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ใต้ผิวหนัง ออร์แกนิค โซย่า ออยล์ เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มขึ้นด้วยก็ได้




วิธีการลดน้ำหนัก
เพิ่มคำอธิบายภาพ

                   แนะนำ "เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง"





การมีหน้าท้องเป็นอะไรที่แบบว่า เอิ่ม จะพูดยังงัยดี มันเป็นอะไรที่อธิบายยากนะ แบบว่ามีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใจกัน โถ๊ๆ แบบว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารและน่าเห็นใจฝุดๆ แง๊ๆ .....เอิ่ม เริ่มดราม่าแล้ว แค่มีพุงนี่นะโอ้วน้อวว เกิดเป็นผู้หญิงนี่ลำบากแท้ (คนละเรื่องแล้วมั้ย) เข้าเรื่องเลยนะค่ะก็ที่บอกว่าผู้หญิงมีหน้าท้องแล้วมันแบบพูดยากก็คือว่า การมีหน้าท้องก็คือมีส่วนเกินที่ยื่นออกมาทำให้การแต่งตัวของสาวๆ นั้นดูยากขึ้น จะใส่อะไรรัดรูปก็ไม่ได้ จะโชว์แบบเอวลอย เอิ่ม...ไม่ไหวนะ จะให้ใส่เสื้อผ้าแบบหลวมๆ แล้วจะมีผู้หญิงที่ไหนจะทนใส่หล่ะค่ะจริงไหมหล่ะ แต่ถ้าจะให้ออกกำลังชีก็ม๊ายยเอา จะให้ลดอาหาร โอ้วเรื่องใหญ่จร้า ถ้าหาทางออกไม่ได้ งั้นนั่งนิ่งๆ แล้วฟัง วันนี้ จะมา แนะนำ "เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง" ให้สาวๆ ได้ฟินกันค่ะ อะๆ เป็นไงหล่ากินไปก็ลดหน้าท้องได้ เจ๋งประหล่ะ อิอิ อะงั้นเอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยไหมค่ะว่า เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง จะเป็นเครื่องดืมที่สาวๆ ชอบกันมั้ยน๊า...ไปดูกันเลยค่ะ

เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง

1. ชามินต์
ใส่น้ำแข็ง รสเย็นของมิ้นต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มินต์มีส่วนช่วยย่อยสลายไขมัน แถมลดอาการท้องอืดได้ด้วย
2. ชาเขียว
นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจ ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลัง มันจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย
3. น้ำเปล่าเสริมรส
เคยได้ยินไหมคะว่าจะลดน้ำหนักต้องดื่มน้ำมากๆ เพราะจะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยให้รู้สึกอิ่มทำให้กินน้อยลง
4. เฟลปเป้สับปะรด
ในสับปะรดมีสารซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดเฟล็กซ์ ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้แบบไม่ต้องเหนื่อยซิทอัพ

5. สมูธตี้แตงโม
แก้วนี้ช่วยให้เราสดชื่นซาบซ่าได้เป็นอย่างดี แก้วหนึ่งมีแคลอรี่ต่ำเพียง 65 แคลอรี่ แถมยังมีสารอาหารที่ช่วยต้านมะเร็งรวมถึงกรดอะมิโน ที่ชี้ว่ามันช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อจึงช่วยให้หน้าท้องของคุณแฟบลงนั่นเอง

6. ดาร์กช็อกโกแลตเชค
ฟังดูขัดๆ ไช่ไหมคะ แต่ดาร์กช็อกโกแลตช่วยให้คุณผอมได้ด้วยการลดอาการอยากอาหารชนิดอื่น แต่จำไว้นะว่าแก้วหนึ่งมีถึง 400 แคลอรี่ จึงเหมาะจะเป็นอาหารเช้ามากกว่าของว่าง ดื่มเล่นๆ แต่พุงจะมาด้วยแบบไม่ขำนะคะ








วิธีการลดน้ำหนัก


           เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่





เรื่องกินถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญของสาวๆ ทุกคน ถึงแม้ว่าเรื่องลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องใหญ่และเป็นความปรารถนาของผู้หญิงแต่เมื่อเจอของกินเท่านั้นแหละ ทุกอย่างชั่งมัน เดี๋ยวค่อยลด นั่นเป็นไงไป แล้วเมื่อไหร่หุ่นจะเป๊ะอย่างที่ต้องการหล่ะคร้าเนี๊ย โอ้ยๆๆ เอ๊ะแต่จะว่าไปแล้วเรื่องกินนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยนะค่ะถ้าแบบว่าเรากินอาหารถูกนะ อะๆ ไม่ใช่ราคาถูกนะค่ะ อิอิ ที่บอกไปว่าอาหารถูกนั้นก็คือ อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ นั่นเองค่ะ แอ๊ะ เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ คืออะไร หลายๆ คนนั้นก็อาจจะกำลัง งง สงสัยเบาๆ ว่า เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ หน้าตาเป็นยังงัย ใช่อาหารแบบที่เรากินมั้ย อะเมื่อเกิดคำถาม ก็เลยจะมาตอบคำถามให้ค่ะวันนี้เราจะมา เผย...เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ ถ้าอยากรู้ว่า เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ นั้นเป็นอย่างไร แล้วมีอะไรบ้าง งั้นก็ตามมาดูเลยค่ะ

อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่

1. หน่อไม้ฝรั่ง
กรดแอสพาราจีนในหน่อไม้ช่วยทำให้ผอมได้ แต่กรดเหล่านี้เพียงช่วยขับน้ำออกเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาพลาญไขมัน
2. สาหร่ายและชาสาหร่าย
ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับกรดแอสพาราจีน คือขับน้ำและของเสียออกจากร่างกาย ส่วนการเผาพลาญไขมันนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า สามารถเผาพลาญได้จริงหรือไม่
3. พริก
ในพริกมีสารรสเผ็ดร้อนที่ชื่อแคปไซซิน ช่วยเพิ่มความร้อนในร่างกาย เพลิงร้อน ตัวนี้สามารถช่วยเผาพลาญไขมัน ฉะนั้นถ้าใครกินเผ็ดได้ ก็เหยาะพริกป่นลงไปหน่อย หรือรับประทานพริกสดที่ซอยบางๆ ร่วมกับอาหารด้วยก็ดี

4. กาแฟ
กาเฟอีนช่วยกระตุ้นเอ็นไซม์ซึ่งมีหน้าที่เผาพลาญไขมัน ดังนั้น เราควรจะดื่มกาแฟเป็นประจำ แต่ไม่ควรดื่มมาก แค่มื้อเช้าดื่มหนึ่งแก้ว หลังอาหารเที่ยงดื่มอีกหนึ่งแก้ว ก็พอแล้ว

5. ไวน์แดง
หากดื่มในปริมาณน้อย สารบางอย่างในไวน์แดง ก็อาจจะช่วยขัดขวางการดูดซึมไขมันได้บ้าง อย่างไรก็ดีไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะไวน์แค่ครึ่งแก้วสามารถให้พลังงานได้ถึง 72 แคลอรี่

6. ชาเขียว

จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยไฟร์บวร์ก ประเทศเยอรมนี ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวเป็นประจำในปริมาณวันละสี่แก้ว สามารถช่วยกระตุ้นการเผาพลาญไขมันได้ และดีต่อสุขภาพอีกด้วย










วิธีการลดน้ำหนัก



                 แนะนำ.....เคล็ดลับการกินให้หุ่นดี





การกินกับการมีหุ่นดี เป็นเรื่องที่เข้ากันไม่ได้ แต่ถ้าจะเลือกอย่าง มันก็ต้องเสียอย่างอะนะ เชื่อว่าในใจของสาวๆ ส่วนใหญ่เลือกที่จะมีหุ่นสวยแต่ความเป็นจริง ชีเลือกกินจร้า ฮาฮ่าๆๆ โอ้โหวแล้วถ้าเกิดว่าจะกินขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่จะมีหุ่นดีหล่ะค่ะเนี๊ย จริงมั้ย เห้อเซงถ้าจะให้ลดอาหาร บ่องตง ไม่ไหวนะค่ะ แง๊ๆ ใครที่พอจะมี เคล็ดลับหุ่นดี โดยไม่ต้องหยุดกินไหมค่ะ ถ้าจะชอบกินขนาดนี้ แล้วก็อยากมีหุ่นดี ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเล๊ยยย เพราะว่าวันนี้ จะมาแนะนำ.....เคล็ดลับการกินให้หุ่นดี ให้สาวๆ ได้รู้กันจร้า อะแน่ เริ่มฟินแล้วใช่ไหมหล่ะ แล้วยิ่งได้รู้ว่าถึงแม้จะชอบกินก็มีหุ่นดีสมใจได้ก็ยิ่งฟินกันเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้อย่ารอช้า หลายๆ คนนั้นอยากจะรู้แล้วว่า เคล็ดลับการกินให้หุ่นดี ที่เราจะนำมาบอกกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร แล้ว เคล็ดลับการกินให้หุ่นดี ที่ว่านี้ต้องกินอะไร ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

เคล็ดลับการกินให้หุ่นดี

1.ควรทานอาหารเป็นมื้อๆ
คือมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น (ก่อน 6 โมงเย็น) ต้องทานอาหาร 1 จาน ต่อ 1 มื้อเท่านั้น แต่หากทนไม่ไหวลองหาชาเขียวร้อนๆ ดื่มแก้หิวจะดีกว่า 

2.ไม่ควรทานอะไร ขณะที่กำลังทำกิจกรรมอื่นๆอยู่
เช่นกำลังอ่านหนังสือ ทำงาน เล่นอินเตอร์เน็ต ดูทีวี หรือขณะนั่งรถ เพราะการทำเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้ปริมาณแคลอรีมากเกินกว่าความจำเป็น และที่แย่ไปกว่านั้น คือคุณจะอ้วนแบบไม่รู้ตัว
3.เลือกรับประทานอาหารให้พลังงานต่ำ
อย่าปล่อยใจ หรือให้ผู้ใดท้าทายคุณ ด้วยอาหารที่มีไขมันสูง เช่นข้าวมันไก่ ข้าวขาหมูเป็นอันขาด

4.เวลาทานอาหาร ควรรับประทานช้าๆ
เคี้ยวให้ได้ 10 ครั้งต่อคำ
5.หากหิวมากๆ ควรสั่งอาหารเพียง 1 อย่าง
อย่าสั่งอาหารมาพร้อมกันหลายๆอย่างเพราะ อาหารจานเดียวก็ทำให้คุณอิ่มได้เช่นกัน

6.สำรวจอาหารในจานว่าเป็นประเภทใด

มีเนื้อสัตว์และผัก มากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีควรทานผักให้หมดจานก่อน แล้วค่อยเริ่มทานเนื้อสัตว์ หรือเขี่ยเนื้อสัตว์ออกนอกจานไปเลย
7.หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
หรือแกงกะทิ รวมถึน้ำอัดลมทุกชนิด

8.หากคุณชอบดื่มชา, กาแฟ, โอวันติน ให้ดื่มเพียงวันละ 1 ถ้วย
หรือดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาลเลย หรือถ้าอยากดื่มนม ไม่ว่าจะเป็นนมพร่องมันเนย นมเปรี้ยว ควรดื่มก่อนเข้านอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
9.เบเกอรี่
เป็นสิ่งที่สาวๆชอบ แต่ถ้าอยากผอม ก็ไม่ควรทานเลย หรือทานได้สัปดาห์ละครั้ง และครั้งละชิ้นสองชิ้นเท่านั้น
10.หลีกเลี่ยงการทานลูกอม

เพราะลูกอมชนิดต่างๆ ล้วนมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม

11.ทานผลไม้มากๆ
ยกเว้นผลไม้ที่มีรสหวาน ให้พลังงาน และปริมาณน้ำตาลสูง เช่นทุเรียน เงาะ ละมุด ลำไย ขนุน

12.ดื่มน้ำสะอาด
อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว









วิธีการลดน้ำหนัก
เพิ่มคำอธิบายภาพ


                  แนะนำ 6 "ท่าสลายไขมัน"




เมื่อพูดถึงไขมันสาวๆ จะนึกถึงอะไรค่ะ โอ้วน้อววว อย่าว่าแต่นึกถึงเลยค่ะถ้าเป็นไปได้อย่าพูดถึงเรื่องนี้กับสาวๆ เลยนะค่ะได้โปรด เจ้าไขมันเนี๊ยแค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาสาวๆ น้ำตาร่วงแล้วจร้า แล้วยิ่งเป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนมีอยู่ เดี๋ยวก่อนนะ ที่บอกว่ามีอยู่นั้นคือ "ช๊านนน ไม่ได้อยากมีนะ" แต่เมื่อมีแล้วสิ่งที่มีอยู่สองสิ่งที่สาวๆ ทำได้คือ ไม่ทำใจก็ หึหึ เอามันออกสะ แต่ขอโทษทีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะค่ะที่แบบว่าจะกำจัดเจ้าไขมันออกอะ แล้วยิ่งถ้าพูดถึงการเลือกรับประทานอาหารเนี๊ย น้อยมากนะค่ะที่สาวๆ จะทำ แล้วทีนี้ทำยังงัยอ่า ไม่ยากค่ะวันนี้ มี ท่าแนะนำ 6 "ท่าสลายไขมัน" มาบอกกันค่ะ สำหรับ 6 ท่าสลายไขมัน ที่เรานำมาฝากนี้ ไม่ได้ยุ่งยากหรืออะไรนะค่ะ สาวๆ ไม่ต้องกังวลไป ในทางตรงกันข้าม 6 ท่าสลายไขมัน นี้เป็นท่าที่ง่ายมากๆ และยังช่วยได้ดีในเรื่องของการสลายไขมันส่วนเกินที่สาวๆ ไม่ปรารถนาอีกด้วยค่ะ อะงั้นก็อย่ามัวแพร่มกันอยู่เลยเนอะ เอาไปว่าเราไปปฏิบัติการสลายไขมันด้วย 6 ท่าสลายไขมัน นี้กันเลยจร้า

6 ท่าสลายไขมัน

1. ท่าหน้าวัวประยุกต์ 
A. ยืนตัวตรงเท้าชิดติดกัน มือขวาจับปลายผ้าขนหนูข้างหนึ่ง ยกแขนขวาขึ้นแล้วงอข้อศอกลงไปด้านหลังศีรษะ แขนซ้ายแนบติดลำตัวงอแขนไว้ด้านหลังขนานกับช่วงเอว จับปลายผ้าขนหนูอีกข้าง
B. หายใจเข้า มือขวาออก
แรงดึงผ้าขนหนูขึ้นให้แขนขวาชิดใบหู
C. หายใจออก มือซ้ายดึงผ้าขนหนูลงจนแขนซ้ายตึง ระวังอย่าให้แขนซ้ายแยกออกจาก
ลำตัว และต้องดึงผ้าให้ตึงตลอด ทำต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้ง ครั้งที่11 ลดแขนทั้งสองให้ขนานกันดังภาพแล้วออกแรงดึงผ้าให้ตึง ปล่อยแขนลงผ่อนคลาย ทำซ้ำอีกข้าง ท่านี้จะช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องแขนได้เป็นอย่างดี
2. ท่าเรือกลไฟ 

A. ยืนตัวตรงกางขาออกกว้างเป็น 3 เท่าของช่วงไหล่ ขาเหยียดตรงเปิดปลายเท้าขวาให้ตั้งฉากกับลำตัว หายใจเข้ หงายฝ่ามือยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นขนานกับพื้น หายใจออก หมุนตัวมาทางขวามือ 90 องศา 
B. หายใจเข้าประสานมือดันนิ้วชี้ขึ้นเหนือศีรษะ ยืดแขนให้ตึง หายใจออก งอเข่าขวาให้ตั้งฉากไม่เกินนิ้วโป้งเท้า
C. หายใจเข้า เกรงขายืดแขนให้ตึง หายใจออก ยื
ดตัวตรง แขม่วท้อง
D. หายใจเข้า เกร็งขายืดตรง กลับไปท่าเริ่มต้น ท
แบบนี้ข้างละ 3 ครั้ง ท่านี้จะช่วยลดไขมันท้องแขน และสะโพก ได้บริหารปีกสะบักกลางหลัง และกล้ามเนื้อต้นขา

3. ท่าบิดลำตัว 


A. นั่งหลังตรง ใช้ขาซ้ายไขว้ขาขวา ปลายเท้าขวาวางข้างสะโพก อกชิดติดเข่า แขนซ้ายกอดหัวเข่าขวา
B. หายใจเข้าให้ลึก วาดแขนขวาไปทางด้านหลังวางไว้ที่เอว หายใจออก แข
ม่วท้องบิดเอวหันหน้าไปทางด้านหลัง หายใจเข้าหันหน้ากลับท่าเริ่มต้น ทำ 3 รอบแล้วเปลี่ยนข้าง ท่านี้จะช่วยลดเอว หน้าท้อง ต้นขา ปีกสะบัก และแนวขอบอก

4. ท่ายืดส่วนหลัง 


นั่งหลังตรง ยืดขาทั้งสองข้างไปด้านหน้าเกร็งปลายเท้าให้ตั้งฉาก หายใจ เข้ายกแขนทั้งสองข้างเหนือศีรษะ หายใจออก คว่ำมือแล้วค่อยๆ ก้มตัวลง เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณช่วงเอว แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วโป้งเท้า ค่อยๆ ก้มตัวลงอีก งอศอกเล็กน้อยค้างไว้ประมาณครึ่งนาที (สำหรับคนที่ไม่สามารถเกี่ยวนิ้วได้ อย่าฝืน ให้จับบริเวณใต้เข่าและก้มตัวเท่าที่ทำได้) ยืดตัวขึ้นช้าๆ ท่านี้จะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย บริหารกล้ามเนื้อส่วนหลัง และต้นขา

5. ท่าสะพาน 


A. หายใจเข้านอนหงายขนานกับพื้น งอขาชันเข่า เอามือจับที่ส้นเท้า เกร็งหัวเข่ากดคางกับหน้าอก
B. หายใจเข้า ยกสะโพกขึ้นเท่าที่ทำได้ (ใช้มือค้ำที่เอวได้) หายใจอ
อก หายใจเข้า เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก หายใจออก ค่อยๆ วางตัวลงกับพื้น ทำ 4 ครั้ง ท่านี้จะช่วยลดไขมันหน้าท้อง ต้นขา และบริหารกล้ามเนื้อหลัง

6. ท่าศพ 
นอนเหยียดขา กระดกปลายเท้า เกร็งเท้า เข่า ต้นขา สะโพก ขมิบก้น เกร็งส่วนคอ กำหมัดแล้วเกร็ง โดยเกร็งส่วนละ 2 วินาที แล้วปล่อยให้ผ่อนคลายเป็นท่าจบและนอนพัก การเกร็งส่วนต่างๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย










บทความควรรู้ก่อนทำศัลยกรรมสำหรับผู้หญิงทุกคน



วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



   "ร้อยไหมทองคำยกกระชับผิว" เพื่อผิวหน้าเต่งตึง สวยเด้ง




เมื่ออายุมากขึ้นผิวหน้าก็ไม่เต่งตึงและกระชับเหมือนดั่งแต่ก่อน แล้วจะทำยังงัยหล่ะทีนี้ ถึงคราวต้องบอกลาความสวยแล้วหรอเนี๊ย!!! ไม่นะไม่!!! พูดแล้วอยากจะร้องไห้เลยใช่ไหมหละค่ะสาวๆ ทั้งหลาย แต่เราอยากจะบอกเหลือเกินค่ะว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิดเลยนะค่ะ เพราะเนื่องจากว่าวันนี้ได้นำเอาเกร็ดความรู้เรื่องการร้อยไหมทองคำยกกระชับผิว เพื่อผิวหน้าเต่งตึง สวยเด้ง มาฝากสาวๆ กันค่ะ การร้อยไหมทองคำยกกระชับผิว นี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผิวหน้าที่เริ่มหย่อนนั้นดูเต่งตึง สวยเด้งมากยิ่งขึ้นอีกค่ะ การร้อยไหมทองคำยกกระชับผิว นี้เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนต้องกำลังศึกษาเรื่องนี้กันอยู่ใช่ไหมล่ะค่ะ ก็แหม๋...ช่วยนี้เค้าฮิตกันเหลือเกินกับการร้อยไหมทองคำกันเนี่ย แค่ฟังชื่อก็อยากจะไปลองทำกันแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ ถ้านั้นคือความต้องการของสาวๆ  ก็ไม่ควรที่จะพลาดในการศึกษาเรื่อง "ร้อยไหมทองคำยกกระชับผิว" เพื่อผิวหน้าเต่งตึง สวยเด้ง กันนะจ๊ะ ถ้าเช่นนั้นแล้วก็อย่ามัวชักช้ารีรอเราก็ลองไปศึกษารายละเอียดของการร้อยไหมทองยกกระชับผิวเพื่อผิวหน้าเต่งตึง สวยเด้ง  ได้นำมาฝากกันดีกว่านะค่ะว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ

ร้อยไหมทองยกกระชับผิว

ในปัจจุบันมีทางเลือกมากมายสำหรับสาวใหญ่ที่อยากจะมีผิวกระชับเต่งตึงเหมือนสาวแรกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบท็อกซ์ การผ่าตัดดึงหน้า หรือครีมชะลอริ้วรอยต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้มักจะได้รับความสนใจมากมายโดยเฉพาะสาวใหญ่วัย 40 ขึ้นไป การยกกระชับผิวนี้ถือเป็นการศัลยกรรมยอดนิยมเลยทีเดียวล่ะ แต่วันนี้เราจะขอข้ามวิธีที่ว่ามานี้ไป แล้วหยิบยกการยกกระชับผิวอีกหนึ่งวิธีมาเล่าสู่กันฟังบ้าง นั่นคือ การร้อยไหมทองยกกระชับผิว (Gold Tread Lift) อีกทางเลือกที่ปลอดภัยแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักค่ะ

สำหรับการยกกระชับผิวด้วยการร้อยไหมทอง เป็นการศัลยกรรมคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูเต่งตึงสามารถยกกระชับผิวหน้าได้นานถึง 8-15 ปีเลยทีเดียว ซึ่งวิธีการร้อยไหมทองสู่ผิวนี้ แพทย์จะใช้เส้นไหมทองบริสุทธิ์ 99.99% ขนาดเล็กมากร้อยเข้าไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เมื่อเส้นไหมถูกร้อยเข้าไปแล้ว ก็จะเกิดการสร้างคอลลาเจนเกาะหุ้มเส้นไหมทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกระชับเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น และการเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดของเส้นไหมก็จะทำให้ผิวหน้าดูมีเลือดฝาด สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคงความอ่อนเยาว์อยู่อย่างนั้นนานกว่า 10 ปี โดยไม่ต้องทำซ้ำอีกบ่อยๆ ซึ่งผิวหน้าจะเต่งตึงมากที่สุดในช่วง 2-3 ปีแรก ก่อนเส้นไหมทองจะค่อย ๆ กระจายตัวและละลายหายไปหลังจากนั้น และผิวก็จะมีความยืดหยุ่นน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ทว่า ผิวยังคงกระชับ ทำให้ดูอ่อนวัยขึ้น 5-8 ปี
ส่วนเรื่องผลข้างเคียงของการยกกระชับผิวด้วยการร้อยไหมทองนั้น หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หรือหากมีก็มีน้อยมาก เพราะวัสดุที่ฝังลงไปใต้ผิวเป็นทองคำบริสุทธิ์ที่มีความปลอดภัยต่อผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ เลย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ป้องกันการติดเชื้ออีกด้วย ดังนั้น จึงวางใจได้ว่าเทคโนโลยีนี้มีความปลอดภัยสูง เว้นเสียแต่ว่า จะเข้ารับบริการจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่แพทย์ไม่มีประกาศนียบัตรรับรองอย่างถูกต้อง และไม่ได้ใช้ทองคำบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

สำหรับค่าใช้จ่ายในการร้อยไหมทองกระชับใบหน้า เนื่องจากว่าสามารถอยู่ได้นาน 8-15 ปี จึงมีราคาสูงมาก คือตั้งแต่คอร์สละ 2 แสนถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ร้อยไหม ว่าจะใช้ไหมกี่เส้น มากน้อยเพียงไร ซึ่งเมื่อทำเพียงครั้งเดียวก็ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ว่ามีความหย่อนยานและมีริ้วรอยมากน้อยเพียงใด โดยแพทย์จะให้คำแนะนำตามความเหมาะสม

อย่างไรก็ดี การร้อยไหมทองแม้จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ควรศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับการรักษาให้ดี หรือหากทำแล้วก็ควรเข้ารับคำปรึกษาและเข้ารับการตรวจจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะถึงอย่างไร การร้อยไหมทองก็เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่ต้องใส่ใจดูแลและระมัดระวังมากกว่าปกติ ขณะเดียวกันที่ผลของการรักษาอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคน และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหลังทำด้วย หากมีการสูบบุหรี่ และทานอาหารที่ทำร้ายผิวเป็นประจำ อายุของการคงความอ่อนเยาว์ผิวก็อาจจะลดลงไปรวดเร็วกว่าเดิมก็เป็นได้









การศัลยกรรม




             ผู้หญิง! บอกลา "หนวด" กันเถอะ



หนวดเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ ถ้าเกิดกับผู้ชายนะค่ะ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงมีหนวดนี้สิค่ะไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร ความมั่นใจนี้เรียกได้ว่าหายไปเกินครึ่งแน่ๆ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นสาวๆ ก็ต้องพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดมันออกใช่ไหมหล่ะค่ะ วันนี้ ก็เลยนำเอาความรู้ที่ให้ ผู้หญิง! บอกลา "หนวด" กันเถอะ มาฝากกันค่ะ สำหรับเรื่องน่ารู้ที่จะให้ผู้หญิงบอกลา "หนวด"  ได้นำมาฝากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณสาวๆ หลายๆ คนอยากรู้ใช่ไหมล่ะค่ะ เรื่องของ "หนวด" หนึ่งสิ่งบนร่างกายที่ขึ้นบนใบหน้าผู้หญิงทุกคนไม่ต้องการ แต่มันดันมาเกิดผิดที่ซะได้ซิน่า แล้วจะหาวิธีกำจัดหนวดได้เช่นไร แน่นอน ก็เลยได้นำเอาเรื่องน่ารู้ที่จะให้ผู้หญิง! บอกลา "หนวด" กันเถอะในวันนี้มาให้สาวๆ ได้ลองศึกษากันดูค่ะ มันใจว่าเรื่องน่ารู้ที่จะให้คุณผู้หญิงได้บอกลา "หนวด" กันเถอะในวันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับหนวดอยู่ แล้วก็ทำให้ขาดความมั่นใจ เราเชื่อว่าเรื่องน่ารู้วันนี้ของเราช่วยคุณได้ค่ะ ต่อไปนี้ถึงแม้สาวๆ จะมีหนวดก็ไม่ต้องกังลวใจอีกแล้วค่ะ เพราะเรื่องที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้สามารถจะช่วยแก้ปัญหาใก้คุณได้นะค่ะ

มา! บอกลา "หนวด" กันดีกว่า

ทำไมถึงขนดก

พันธุกรรม อาการนี้ถ่ายทอดกันได้จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมักพบมากในหญิงชาวยุโรปมากกว่าที่อื่น หากมีบรรพบุรุษฝ่ายหญิงคนใดที่มีขนดกบนใบหน้ ลูกหลานก็มีแนวโน้มที่จะได้รับมรดกนี้ไป
ฮอร์โมน ขนบนใบหน้ามากเกินปกตินี้
 อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์และในช่วงของการบำบัดรักษา ที่มีการทดแทนฮอร์โมน ก็จะทำให้ขนส่วนเกินบนใบหน้าที่ไม่พึงปรารถนา ถูกเร่งให้เจริญเติบโตขึ้น ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า "ภาวะขนดก"
นอกจากนี้ อาจเกิดจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายหรือผลิตฮอร์โมนต่อมหมวกไตมากเกินไปรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในเพศหญิงที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว รอบเดือน และการตั้งครรภ์ หรือการมีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต ก็มีส่วนเช่นกัน ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์ด้วยว่าเกิดจากความผิดปกตินี้หรือไม่ เพราะนั่นหมายถึงคุณอาจกำลังเป็นโรค และหากต้องการกำจัดขน แพทย์จะแนะนำให้ทำในช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายของคุณอยู่ตัวเข้าที่เข้าทางซะก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วขนก็จะยังถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมน ซึ่งทำให้การกำจัดขนไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ให้รู้สาเหตุที่แน่ชัดก่อนกำจัดขนจะดีที่สุด

จัดการ "ขน" ให้อยู่หมัด
และเนื่องจากการใช้มีดโกนหนวดกำจัดขนที่รบกวนจิตใจนี้ ทำให้เกิดร่องรอยชัดเจนบนผิวและขนยังงอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับการใช้แหนบถอน มืดโกนจึงเหมาะกับการใช้บนร่างกายเท่านั้น รวมถึงการใช้ครีมกำจัดขนที่ทำให้ระคายเคืองผิวหน้า เราจึงต้องสรรหาวิธีอื่น ๆ แทน

- แบบชั่วคราว
Wax เป็นหนึ่งในวิธีที่ค่อนข้างได้ผลและเป็นที่นิยม โดยสามารถแว็กซ์ได้ทั้งขนบนริมฝีปาก หน้าผาก
 ข้างใบหน้า แต่ไม่แนะนำที่คาง เพราะอาจทำให้ผิวส่วนนั้นแห้งหยาบ มีข้อควรระวังสำหรับสาวที่มีผิวสีเข้มคืออาจ ทำให้สีผิวหลุดลอก ถ้าเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ และหากคุณขัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี Salicylic Acidอัลฟาไฮดร็อกไซด์ หรือเอนไซม์ แว็กซ์อาจทำให้เกิดรอยแดง ผิวหนังไหม้หรือหลุดลอก วิธีการแว็กซ์นี้จะสามารถช่วยกำจัดขนไปได้ 2-6 สัปดาห์

- แบบถาวร
Electrolysis กำจัดด้วยไฟฟ้า โดยใช้เข็มแทรกเข้าไปในรากขน แล้วช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กที่ยิงผ่านเข็ม แล้วเส้นขนก็จะถูกทำลายอย่างถาวร เป็นการกำจัดขนอย่างราบคาบแบบเส้นต่อเส้น ราคาค่อนข้างสูงแต่ให้ผลที่น่าพอใจมาก และยังเป็นวิธีที่สามารถกำจัดขนได้ไม่ว่าจะมีสีผิวและสีขนอย่างไร

Laser เป็นวิธีที่แพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยการยิงแสงเลเซอร์ผ่านผิวรากขน เพื่อให้ความร้อนทำลายและหยุดการเจริญเติบโตของขน จะมีประสิทธิภาพต่อผิวสีอ่อนและขนสีเข้ม ดังนั้น ใน IPL Laser มีข้อจำกัดคือผู้มีสีผิวเข้มมากๆ ผิวอาจเกิดรอยไหม้ได้ หรือผู้ที่มีเส้นขนสีอ่อน ก็จะตอบสนองต่อเลเซอร์ได้น้อยลง จึงได้มีการพัฒนา YAG Laser เพื่อลดข้อจำกัดนี้ ซึ่งในจะต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยสามารถเข้ารับบริการเป็นคอร์ส อย่างไรก็ตาม ผลจากการยิงเลเซอร์นั้น ย่อมแตกต่างไปตามสภาพผิวของแต่ละคน จึงควรปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้เลือกชนิดของเลเซอร์ได้ถูกต้อง และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด








วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย


                

              คำถามช่วย "สร้างความมั่นใจก่อนทำ

ศัลยกรรม"



ในยุคใหม่นี้ผู้หญิงกับการทำศัลยกรรมนี้เป็นอะไรที่คู่กับไปซะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฉีด การดึง ยิงเลเซอร์ หรือการผ่าตัดอย่างที่หลายๆ คนนั้นทราบ ทั้งหมดนี้คือการทำศัลยกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น แต่ถึงจะดูเป็นเรื่องปกติแต่ก่อนที่สาวๆ นั้นคิดจะทำศัลยกรรมก็มีคำถามเกิดขึ้นจนต้องหาคำตอบแบบวุ่นวายกันเลยที่เดียว วันนี้ ก็เลยไปหยิบเอา คำถามช่วย "สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม" มาฝากๆ สาวๆ กันค่ะ แต่คำถามยอดฮิตที่ช่วย สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม  ได้นำมาฝากกันในวันนี้มาพร้อมกับคำตอบที่จะช่วยแก้ข้อสงสัยของสาวๆ ได้ค่ะ ถ้าเช่นนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่าคำถามช่วย สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม ที่สาวๆ  สงสัยอยู่นั้นจะมีใน 10 คำถามยอดฮิดนี้หรือไม่ แล้วคำถามที่ช่วย สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง ต่อจากนี้ไปสาวๆ คนไหนที่อยากสวยด้วยการทำศัลยกรรมก็ไม่ต้องไปหาคำตอบให้วุ่นวายแล้วค่ะ เพราะเราได้นำทุกคำตอบ ของคำถามที่ช่วย สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม ที่หลายๆ คนสงสัยมาบอกกันอย่างละเอียดแล้วค่ะ

10 คำถาม สร้างความมั่นใจก่อนทำศัลยกรรม

1. หลังผ่าตัดตกแต่งจนคุณสวยเด้งแล้ว คุณเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโอกาสดีๆ ในชีวิต ใช่หรือไม่?
- แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของคุณอาจจะเ
ปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มิได้เป็นหลักประกันว่าคุณจะได้งานดีๆ ลอยมาหา หรือคนรักที่จากไปจะกลับมา เพียงเพราะหน้าตาคุณดูดีกว่าเก่า จมูกคุณโด่งกว่าเดิมหรอก

2. เงินที่คุณต้องจ่ายนั้น พอหรือไม่?- การทำศัลยกรรมเป็นที่ทราบกันดีว่ามีราคาแพงลิบ ดังนั้น ก่อนคิดที่จะทำอะไร ควรที่จะศึกษาราคาให้ดีก่อนถ้าหากเข้ารับการผ่าตัดแล้วต้องสิ้นเปลืองเงินทอง จนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น ก็อย่าทำดีกว่า เพราะมันไม่คุ้มกับการต้องแบกความทุกข์เอาไว้หรอก
3. เคยคิดไหม หลังผ่าตัดตกแต่ง คุณต้องให้เวลาพักฟื้น?
หลายคนมักคิดว่า ลอยหน้าลอยตาเข้าไปทำศัลยกรรมสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ออกมาสวยได้ดั่งใจ เดินเฉิดฉายไปไหนต่อไหนได้ทุกที่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คนที่คิดเช่นนี้มันเป็นเพียงแค่ฝันหวาน เพราะหลังจากการทำศัลยกรรมนั้น โดยทั่วไปแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยที่สุดคือ 2-3 สัปดาห์ หรือบางรายอาจจะเป็นเดือน เพื่อให้อาการอักเสบ บวมแดง หรือรอยช้ำจ้ำเลือดจากการผ่าตัดจางลง

4. สุขภาพคุณแข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัดไหม?
ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดตกแต่ง คุณควรสอบถามแพทย์ประจำตัวคุณให้ดีเสียก่อนว่า สุขภาพร่างกายของคุณพร้อมไหมสำหรับการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่รัดกุมในเรื่องนี้แล้วดันพลาดขึ้นมา คุณวูบดับคาเตียงผ่าตัด โอกาสแก้ไขก็คงไม่มีอีกแล้ว
5. คุณเป็นสิงห์หอมควันหรือไม่?
การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวหนังหดตัว มีผลทำให้ผิวหนังมีสุขภาพไม่แข็งแรง หากต้องการรับการผ่าตัดบางอย่าง อาจเกิดปัญหาขึ้นได้
6. การผ่าตัดตกแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณได้การยอมรับจากแพทย์ท่านอื่นไหม?
- คุณอาจได้ฟังโฆษณาชวนเชื่อถึงวิธีการผ่าตัดตกแต่งแบบแ
ปลกๆ ใหม่ๆ มามากมายหลายอย่าง ถ้าคุณต้องทำการแปลงโฉมตัวเองด้วยหนึ่งในวิธีเหล่านั้น คุณควรลองฟังความเห็นของแพทย์ท่านอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ดูบ้าง ถ้าไม่อยากเป็นหนูลองยา

7. ควรวาดภาพไหมว่า หลังการผ่าตัดตกแต่งแล้วคุณจะออกมาเป็นอย่างไร?
- สถานศัลยกรรมความงามหลายแห่งมีเครื่องมือแ
ละเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่สามารถวาดภาพของคุณหลังการผ่าตัดตกแต่งออกมาให้ดูก่อนได้ แต่ถ้าคุณคาดหวังที่จะสวยเทียบเคียงนางงามจักรวาลแล้วล่ะก็ อาจจะมีผิดหวังกันได้ ดังนั้น หวังได้ แต่อย่าให้เกินจริง และที่สำคัญผลงานที่ออกมาจะดีหรือไม่ดีอย่างไร คุณควรเช็กดูจากผลงานเก่าๆ ของแพทย์ประจำตัวคุณด้วย เพื่อเป็นอีกทางที่จะการันตีว่า การยอมเจ็บตัวครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

8. คุณแน่ใจในอวัยวะที่คุณจะเปลี่ยนแปลงแล้วใช่หรือไม่?
- บางคนไปรับการศัลยกรรมจมูกมา เพราะรู้สึกว่าจมูกตัวเองไม่สวย แต่พอผ่าเสร็จแล้วมา
เห็นคนอื่นไปผ่าตัดตา หน้า คาง คิ้ว และหน้าอก ก็ชักจะเกิดความลังเลใจว่า ควรจะทำอย่างอื่นเพิ่มดีไหม ตรงนี้ขอให้คุณเข้าใจว่า ถ้าจมูกคุณไม่สวย คุณก็แก้ไขจมูกให้ถูกใจ แต่ถ้าจมูกคุณเปลี่ยนไป ส่วนต่างๆ บนใบหน้าหรือร่างกายก็อาจจะกลายเป็นจุดด้อยของคุณแทนจมูก วิธีที่ดีที่สุด คือ การปรึกษาแพทย์ และแก้ไขในจุดอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์แบบ และทำให้คุณพึงพอใจ

9. คุณพร้อมจะฟังคำแนะนำของแพทย์ท่านอื่นไหม?
- อยากให้คิดสักนิดสำหรับคนที่กำลังคิดจะเข้า
รับการผ่าตัดตกแต่ง คุณไม่จำเป็นต้องเร่งด่วนตัดสินใจ ควรนั่งคิด นั่งนึกถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นก่อนและยิ่งคุณสามารถที่จะปรึกษาแพทย์ได้หลายๆ คนก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะคุณจะได้เอาหลากหลายความคิดเห็นของผู้ที่เชี่ยวชาญ มาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ แถมยังสามารถเปรียบเทียบทักษะความรู้ความชำนาญของแพทย์หลายๆ ท่านได้ด้วยว่า ท่านไหนเหมาะจะทำการผ่าตัดให้คุณมากที่สุด
10. คุณมั่นใจในความสามารถของแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดตกแต่งคุณแค่ไหน?
รู้กันดีว่า แพทย์ที่ไม่ได้รับการฝึกหัดทางด้านศัลยกรรมศาสตร์โดยตรงหลายท่านหันมาจับงานด้านนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะใจรัก หรือปัญหาทางเศรษฐกิจก็ตามที แต่คนไข้อย่างคุณก็ควรจะศึกษาในเรื่องนี้ให้ละเอียดก่อน อาจจะหาข้อมูลเก่าๆ ของแพทย์ประจำตัวคุณหรือผลงานที่ผ่านมามาประกอบการตัดสินใจ เพราะของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร










วิธีดูแลผิวขาวผิวสวย



                        "รักษากระ" ด้วยวิธีง่ายๆ รวดเร็ว




แสงแดดแผดเผาผิวสวยๆ ของคุณผู้หญิงกันทุกวันเป็นธรรมดามากๆ ที่จะเกิด "กระ" แล้วคุณรู้ไหมค่ะว่าแสงแดดที่แผดเผาแรงๆ นี่เองที่เป็นสาเหตุของการเกิดกระบนใบหน้า แล้วเมื่อกระมาเยี่ยมเยียนบนใบหน้าก็เป็นเหตุให้คุณผู้หญิงนั้นถึงกับหมดสวยกันได้เลยที่เดียวค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะค่ะเพราะวันนี้ ได้นำเอาเคล็ดลับ รักษากระ...ด้วยวิธีง่ายๆ รวดเร็ว เร่งด่วง สะดวก มาฝากคุณสาวๆ ให้ได้หายกังวลใจกันค่ะ สำหรับเคล็ดลับ รักษากระ  ได้นำมาฝากกันในวันนี้ก็เป็นวิธีรักษากระในแบบง่ายๆ ค่ะ และแถมยังเป็นเคล็ดลับรักษากระได้แบบรวดเร็ดอีกด้วยนะค่ะ อยากรู้แล้วให้ไหมหล่ะค่ะว่าเคล็ดลับ "รักษากระ" ด้วยวิธีง่ายๆ รวดเร็ว  ได้นำมาฝากกันในวันนี้จะง่ายและรวดเร็วขนานไหน ถ้าเช่นนั้นแล้วเราก็อย่ารอช้าเลยดีกว่านะค่ะ ไปดูเคล็ดลับ "รักษากระ" ด้วยวิธีง่ายๆ รวดเร็ว  นำมาฝากกันเลยดีกว่าค่ะว่าจะเป็นเคล็บลับแบบไหน รับรองว่าเคล็ดลับ "รักษากระ" ด้วยวิธีง่ายๆ รวดเร็ว นี้จะทำให้ปัญหาหน้ามีกระนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ของสาวๆ แม้แต่น้อยอีกต่อไปค่ะ

วิธีรักษากระ

ทำไมเราจึงเป็นกระ

ทั้งกรรมพันธุ์และแสงแดดมีผลอย่างมากกับการเกิดกระ เมื่อเราเจอกับรังสียูวีในแสงแดด ผิวชั้นนอกจะหนาขึ้นและเมลาโนไซต์จะเร่งการผลิตเม็ดสีเมลานิน เพื่อช่วยในการป้องกันแสงแดด ทำให้ผิวมีสีเข้มมากขึ้น และฝ้าหรือกระ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเมลานินนั้นไม่มีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ แต่เนื่องจากกรรมพันธุ์ก็มีส่วนด้วย ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าหากพ่อแม่ไม่มีกระ คุณก็อาจไม่มีกระแม้จะถูกแดด สำหรับการป้องกันหลัก ๆ ทำได้ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 หลีกเลี่ยงแสงแดดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น และอย่าลืมสวมเสื้อผ้าที่กันแดดได้เวลาออกจากบ้าน

Fast Fix

การรักษากระนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของกระเป็นหลัก อย่างแรกเลยคือ คุณต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ประเมินว่ากระที่อยู่บนใบหน้าเป็นกระตื้นหรือกระลึก ซึ่งในปัจจุบัน มีเลเซอร์มากมายหลายประเภทที่สามารถทำให้รอยกระเลือนหายไปได้ แต่มักต้องผ่านการรักษาหลายครั้งกว่าจะเห็นผล

What & Where to Fix

- Alexandrite Laser

ใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร เพื่อทำลายกลุ่มเม็ดสีเมลานินในกระตื้นและกระลึก ใช้เวลาทำประมาณ 20 นาที แต่ก่อนนั้นต้องแปะยาชา เสร็จแล้วบริเวณกระจะกลายเป็นสะเก็ดสีดำๆ ซึ่งจะหลุดลอกไปเองและทำให้ใบหน้ากระจ่างใสในเวลาหนึ่งสัปดาห์

- Fraxel

ใช้การปล่อยคลื่นแสงเป็นจุดเล็ก ๆ ลงไปใต้ผิว ทำให้เซลล์ที่เก่าและตายหลุดออกมาภายใน 1-2 สัปดาห์และมีเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ เหมาะกับกระตื้น ในขั้นตอนการทำอาจต้องแปะยาชาและเจ็บปวดเล็กน้อย หลังจากนั้นจะรู้สึกแสนแผลบ้าง สำหรับคนที่สนใจควรเพื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง และอาจต้องทำ 2-3 ครั้งจึงจะเห็นผล

- Medlite C6

ใช้เทคโนโลยี Nd : YAG ซึ่งให้เลเซอร์สองชนิดที่สามารถทำลายได้ทั้งฝ้า กระตื้น และกระลึก ไม่เกิดแผลหลังการรักษา แต่บางรายที่มีกระอยู่มาก อาจต้องใช้ยาชาซึ่งจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง สำหรับจำนวนครั้งที่เห็นผลนั้น จะแตกต่างกันไปตามบุคคล

- IPL

พลังงานแสงความเข้มสูง ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้ผิวหนัง เหมาะกับการรักษากระตื้น ไม่เจ็บปวด แต่ต้องทำ 2-3 ครั้งขึ้นไป โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที (รวมเวลามาส์ก) 









การศัลยกรรม




                    สักริมฝีปาก...เพื่อการมี...ปากสวย




สักริมฝีปาก...เพื่อการมี...ปากสวย เป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ดีๆ ที่สาวๆ หลายๆ คนไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ เชื่อว่าการมีริมฝีปากที่เรียวสวยเป็นอะไรที่สาวๆ หลายๆ คนไฝ่ฝันใช่ไหมหล่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าการมี ปากสวย นั้นจะต้องไปเริ่มต้นยังไง หรือต้องทำอะไรเผื่อการมีปากสวยอย่างที่ต้องการใช่ไหมหล่ะค่ะ วันนี้ ก็เลยได้นำเอาเรื่องน่ารู้ดีๆ ที่เกี่ยวกับการ สักริมฝีปาก...เพื่อการมี...ปากสวย มาให้ได้ศึกษากันค่ะ สำหรับ สักริมฝีปาก...เพื่อการมี...ปากสวย  นำมาแนะนำกันในวันนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีการทำปากสวยที่เรียกอีกอย่างว่าการทำศัลยกรรม อาจจะเป็นอะไรที่ดูค่อนข้างนะน่ากลัวไปสักนิดแล้วก็ต้องระแวงนิดหนึ่งเมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรม แต่อยากจะบอกว่าถ้าเราได้ศึกษารายละเอียดให้ดีการทำศัลยกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอย่างที่คิดแน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วเราไปดูเรื่อง สักริมฝีปาก...เพื่อการมี...ปากสวย  นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร แล้วข้อมูลของเราในวันนี้จะแน่นแค่ไหนไปดูกันเลยค่ะ เชื่อได้ว่าถ้าเราลองศึกษาอะไรอย่างละเอียดแล้วหล่ะก็ไม่มีสิ่งไหนที่เป็นอันตรายกับเราได้แน่นอนค่ะ เพียงเท่านี้คุณสาวๆ ก็สารมารถสวยด้วยหมออย่างปลอดภัยแล้วก็มั่นใจแล้วล่ะค่ะ

หนึ่งคำถามกับการ "สักริมฝีปาก" เพื่อ "ปากสวย"

ดิฉันเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการทาลิปสติกมากค่ะ เห็นสาวๆ หลายคนทาปากสีสดๆ ก็อยากทาบ้าง แต่เป็นคนที่มีริมฝีปากไม่สวย ไม่ได้รูป จึงทำให้ทาลิปสติกออกมาแล้วดูไม่ค่อยสวย คุณหมอพอจะมีวิธีแก้ไขไหมคะ

เรื่องของขนาดริมฝีปากที่ไม่ได้รูปสวยงามสามารถแก้ไขได้ด้วยการสักปากครับ ซึ่งประโยชน์ของการสักริมฝีปากก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลายอย่าง เช่น การสักเพื่อแก้ไขสีของริมฝีปาก ปากดำคล้ำ ปากซีด สีไม่สม่ำเสมอ การสักแก้ไขขอบปากที่ไม่ได้รูป ไม่สมมาตร ขอบปากไม่คมชัด การสักเพื่อปกปิดแผลเป็นจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยปากแหว่ง และการสักเพื่อช่วยผู้ที่มีอุปสรรคในการเขียนขอบปากและทาปาก เช่น มือสั่น สายตาไม่ดี











การศัลยกรรม



                   "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด





"การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด อีกหนึ่งการทำศัลยกรรมที่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลยสักนิด คุณผู้หญิงหลายๆ ท่านที่มีไฝหรือขี้แมลงวันบนใบหน้า แน่นอนว่าหน้าของคนเรานั้นเป็นอะไรที่เด่นมากๆ เรียกได้เลยว่าเป็จุดแรกที่สายตาจะมองเห็น แต่ถ้าเกิดว่าบนใบหน้าของคุณผู้หญิงมีไฝ หรือว่าขี้แมลงวันไม่อยากจะคิดเลยใช่ไหมค่ะว่าจะเป็นอย่างไร แล้วแน่นอนว่าความมั่นใจที่มีหายไปเกินครื่งแน่นอน วันนี้ ก็เลยได้นำเอาเกร็ดน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับ "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด มาฝากกันค่ะ สำหรับ "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด  เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการทำศัลยกรรมที่ไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัวใดๆ เลยสักนิดนะค่ะ และที่สำคัญยังใช้เวลาไม่นานและการรักษาก้ไม่ยุ่งยากอีกด้วยนะค่ะ สาวๆ คนไหนที่สนใจอยากจะเพิ่มความมั่นใจด้วยการนำไฝหรือขี้แมลงวันออก ก็ลองศึกษา "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด  นำมาฝากกันในวันนี้ดูได้นะค่ะ รับรองว่า "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด นี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงหรือใครๆ ที่สนใจจะจี้ไฝอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วเราก็อย่ารอช้าเลยนะค่ะ ไปดูรายระเอียดของ "การจี้ไฝ" ด้วยแสงเลเซอร์กับการผ่าตัด กันเลยดีกว่าค่ะ

ศัลยกรรมน่ารู้ "การจี้ไฝ"

หากคุณผู้หญิงหลายคนจะเลือกกำจัดไฝเม็ดนั้นออกไป ด้วยการ... จี้ไฝ คือ การตัดออกหรือใช้แสงเลเซอร์ในการรักษา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และลักษณะของไฝ ว่าเหมาะสมกับวิธีไหน สำหรับการรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์ แพทย์จะทายาชาไว้ประมาณ 45 นาที แล้วจึงใช้แสงเลเซอร์ในการรักษา โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ส่วนการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีด แล้วจึงทำการผ่าตัดโดยใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ในการผ่าตัดไฝออก 
อย่างไรก็ตามหลังจากการรักษาแล้วแผลผ่าตัดไม่ควรให้ถูกน้ำและหลังจากการผ่าตัด 7 วัน ให้มาพบแพทย์เพื่อตัดไหม ขณะที่แผลเลเซอร์ หลังการรักษาไม่ควรให้ถูกน้ำประมาณ 1 วัน และคุณสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ โดยใช้ยาทาแผลเช้า-เย็น ประมาณ 7 วัน เมื่อแผลหายแล้ว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำ และใช้เวลานานกว่าที่รอยดำนั้นจะจางหาย








การศัลยกรรม



                 เสริมคาง...อันตรายหรือไม่?




เสริมคาง...อันตรายหรือไม่? อีกหนึ่งคำถามสำหรับสาวๆ หรือใครๆ ที่ตอนนี้กำลังคิดอยากจะไปเสริมคางต้องกำลังสงสัยอย่างแน่นอน เพราะเนื่องจากว่าหน้าตาของคนเรานั้นไม่ได้เป๊ะตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นแล้วแพทย์สามารถช่วยเราได้ แต่แน่นอนว่าการที่ราจะไปทำศัลยกรรมต่างๆ นั้นถ้าไม่ศึกษาให้ละเอียดก็อาจจะเสี่ยงเกิดอันตรายได้ วันนี้ ก็เลยได้นำเอาอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมอีกหนึ่งเรื่องมาฝากกันค่ะ กับเรื่องน่ารู้ที่ว่า เสริมคาง...อันตรายหรือไม่? มาให้สาวๆ ได้ศึกษากันดูค่ะ แม้ว่าการทำศัลยกรรมนั้นผลออกมาจะทำให้เราดูสวยได้อย่างที่ต้องการ แต่แน่นอนว่าความเสี่ยงก็มีเช่นกัน แล้วเกร็ดน่ารู้ของเราในวันนี้ก็เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมอีกหนึ่งประเภท ซึ่งก็อยากให้สาวๆ ได้รู้ไว้ โดยเฉพาะคนที่คิดจะไปทำศัลยกรรมเกี่ยวกับคาง เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการ เสริมคาง...อันตรายหรือไม่  นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นความรู้ที่ดีให้คุณได้อย่างแน่นอนค่ะ ว่าแล้วเราก็ไปดูเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการเสริมคาง...อันตรายหรือไม่  นำมาฝากกันเลยดีกว่าค่ะว่าจะเป็นยังไง อัตรายหรือไม่ แล้วมีผลข้างเคียงเช่นไร ไปดูกันเลยค่ะ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "การเสริมคาง" กับคำถามนี้

อยากทราบว่าเสริมคางอันตรายมาก - น้อยแค่ไหน และมีผลกระทบระยะยาวรึเปล่าค่ะ แล้วควรจะทำแบบฝังซิลิโคนหรือว่าฉีดดีค่ะ แล้วหลังผ่าตัดจะมีอาการบวมประมาณกี่วันคะ ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรคะ รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำที่ๆ ทำแล้วดูไม่หลอกตาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ


การเสริมคางเป็นการผ่าตัดเพื่อให้คางดูกลมมนและมีลูกคางงอนขึ้น หลักการคือ การเสริมบริเวณด้านหน้าตรงขอบกระดูกกราม ด้วยแท่งซิลิโคนที่เหลาให้เข้ารูปความสูง และความโค้งตามปริมาณที่เหมาะสม แล้วนำไปวางไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับการเสริมจมูก หากเหลาขนาดที่พอเหมาะ วางในตำแหน่งที่ถูกต้อง และไม่มีข้อแทรกซ้อนแล้วก็นับว่าปลอดภัยพอสมควรครับ 

ในระยะยาวนั้นแท่งซิลิโคนที่วางอยู่ อาจจะทำให้กระดูกกร่อนไปได้บ้างเล็กน้อย แต่เนื่องจากขอบกระดูกกรามนั้นค่อนข้างหนาแข็งมาก จึงมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก แต่ถ้าวางผิดที่ก็อาจจะเกิดปัญหาได้จากการเคลื่อนที่ของแท่งคางครับ หลังการผ่าตัดจะบวมตามปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์และเข้าที่ในเวลาประมาณ 1-2เดือน 









การศัลยกรรม


      

           เรื่องน่ารู้...ศัลยกรรมติ่งหู





วันนี้เราได้นำเอาความรู้ของการทำศัลยกรรมอีกหนึ่งประเภทมาแนะนำสาวๆ กันกับเรื่องน่ารู้...ศัลยกรรมติ่งหู ไม่ใช่แค่หน้า หู ตา จมูก ปาก แขน ขา เท่านั้นนะค่ะ แม้กระทั้งติ่งหูก็สามารถทำศัลยกรรมได้ เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนคงต้องกำลัง งง อยู่แน่ๆ เลยใช่ไหมค่ะว่า เรื่องน่ารู้ศัลยกรรมติ่งหู  ได้นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นยังไง แล้วติ่งหูสำคัญถึงกับต้องทำศัลยกรรเลยหรอ เชื่อว่าตอนนี้คงมีหลากหลายคำถามเยอะแยะมากมายเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปแก้ข้อสงสัยทั้งหมดกับ เรื่องน่ารู้ศัลยกรรมติ่งหู  นำมาฝากกันในวันนี้ดีกว่านะค่ะ รับรองว่า เรื่องน่ารู้ศัลยกรรมติ่งหู  นำมาฝากกันในวันนี้จะช่วยแก้ข้อสงสัยของสาวๆ ได้หมดทุกข้อแน่นอนค่ะ อยากสวย อยากเพอร์เฟคก็อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปนะค่ะ และขอแนะนำว่าก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมก็อยากให้สาวๆ ศึกษารายละเอียดให้มั่นใจก่อนจะได้ไม่เป็นอันตรายที่หลัง งั้นว่าแล้วเราก็ไปดูข้อมูลการทำศัลยกรรมติ่งหูศัลยกรรมอีกหนึ่งประเภทที่หลายๆ คนนึกไม่ถึงกับ เรื่องน่ารู้ศัลยกรรมติ่งหู กันเลยดีกว่าค่ะ

ศัลยกรรมติ่งหู

การศัลยกรรมติ่งหูจัดเป็นการทำศัลยกรรมเพื่อซ่อมแซมส่วนติ่งหูที่เสียหายให้กลับเข้าสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด โดยสาเหตุที่ทำให้ติ่งหูเสียหายจนต้องเข้ารับการศัลยกรรมนั้น มักมาจาก..ติ่งหูฉีกขาด ซึ่งมักเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ อย่างเด็กเกี่ยวต่างหู เสื้อผ้าเกี่ยวต่างหู หรือต่างหูเกี่ยวกับวัตถุอื่น ๆและมีความพยายามกระชากให้หลุด หรือเจาะรูหูต่ำเกินไป จนถูกต่างหูรั้งจนขาดในที่สุดติ่งหูยานเพราะต่างหูรั้ง จากการใส่ต่างหูที่มีน้ำหนักมากเป็นประจำ และทำติดต่อกันเป็นเวลานาน
ติ่งหูถูกขยายผิดรูป จากการการใส่ตุ้มหูขนาดใหญ่เป็นเวลานาน หรือที่เรียกว่าการระเบิดหู (gauging)
ปัจจัยต่าง ๆ ดังที่กล่าวมานี้ ทำให้เกิดความเสียหายกับติ่งหูทั้งสิ้น แต่ก็สามารถทำให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมได้โดยการศัลยกรรม ซึ่งนอกจากจะทำให้ติ่งหูหลับเข้าสู่สภาพสวยงามดังเดิมแล้ว ยังทำให้ผู้ติ่งหูเคยเสียหาย กลับมาใส่ต่างหูตามปกติได้อีกครั้งด้วย
กระบวนการศัลยกรรมติ่งหู
การศัลยกรรมติ่งหูส่วนใหญ่อาศัยการใช้ยาชาเฉพาะจุด (local anesthesia) และมักใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะความเสียหายที่เกิดขึ้น
หากติ่งหูฉีกขาดออกจากกันโดยสมบูรณ์ แพทย์จะทำการเย็บติ่งหูส่วนที่ฉีกขาดทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยเย็บทั้งเนื้อเยื่อชั้นใน และผิวหนังชั้นนอกเข้าด้วยกัน ทำให้ติ่งหูสามารถต่อติดกันได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี แพทย์จะลงมือศัลยกรรมได้เมื่อแผลฉีกขาดที่เกิดขึ้นหายดีแล้วเท่านั้น
แต่หากติ่งหูมีอาการฉีกขาด แต่ไม่ขาดแยกออกจากกัน แพทย์สามารถทำการศัลยกรรมรักษาได้ทันที โดยในกรณีนี้ หากผู้ป่วยสามารถเจาะหูในวันเดียวกับที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรมติ่งหูเลยก็ได้ และทำการรักษาบาดแผลควบคู่กันไป โดยในกรณีนี้แพทย์จะให้คุณใส่ต่างหูนั้นทิ้งไว้อย่างน้อย 2 เดือน และจะให้คำแนะนำต่อไปว่าเมื่อไรจึงเหมาะสมที่จะถอดออกและเปลี่ยนไปใส่ต่างหูชนิดอื่น ๆ หรือที่มีน้ำหนักมากขึ้นได้
ส่วนในกรณีของรูเจาะหูที่ถูกต่างหูรั้งจนหย่อนยาน หรือติ่งหูที่ยืดขยายจากการระเบิดหู แพทย์จะทำการตัดติ่งหูส่วนที่ยืดยานเกินรูปออกมา แล้วทำการเย็บตกแต่งให้ได้รูปสวยอีกครั้ง
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับยากินบรรเทาปวด และยาทาเพื่อลดอาการอักเสบ และป้องกันการติดเชื้อของบาดแผล และแพทย์จะนัดตัดไหมอีกครั้งเมื่ออาการบวมของบาดแผลหายไป ซึ่งอยู่ภายในช่วงเวลา 1 สัปดาห์








การศัลยกรรม


                

                     สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม





เป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ดีๆ ที่สาวๆ ไม่ควรพลาดกับ สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ด้านศัลยกรรมกำลังดันให้การฝังเข็มเป็นพระเอกตัวจริงเลยก็ว่าได้ อย่างที่รู้ๆ กันว่าการฝังเข็มนั้นเป็นวิธีโบราณและก็ไม่น่าเชื่อใช่ไหมหล่ะค่ะว่าจะ สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม จริงๆ เชื่อเลยนะค่ะว่าวิธีการ สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม นี้จะทำให้สาวๆ สวยได้อย่างใจ ความสวยไม่เข้าใครออกใคร และคุณผู้หญิงด้วยแล้วหล่ะก็ ต่อให้เจ็บ ต่อให้ลำบากมากมายแค่ไหนก็ทน เพื่อความสวย แล้วเรื่องน่ารู้ ในวันนี้ที่ว่า สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม ก็คงเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ดีๆ ที่สาวๆ จะไม่พลาดอย่างแน่นอน ยอมรับเลยว่ามีน้อยคนมากที่จะไม่ทำศัลยกรรม การศัลยกรรมไม่ใช่การผ่า การตัด หรืออะไรๆ ที่น่ากลัวอย่างที่เคยได้ยินมาหรอกนะค่ะ การยิงเลเซอร์ หรืออะไรอีกหลายๆ อย่าก็เรียกได้ว่าเป็นการทำศัลยกรรมอีกแบบหนึ่ง งั้นวันนี้เราไปดูว่า สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม  นำมาแนะนำกันในวันนี้จะเป็นยังไง แม้ว่าการศัลยกรรมนั้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับหลายๆ คน เพราะอย่าที่รู้ๆ ว่าการศัลยกรรมนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ก็อย่างว่า มีดี ก็ต้องมีเสีย นั้นเป็นเรื่องธรรมดาแล้วแต่ความเชื่อของบุคคล แต่ยังงัยก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนจะดีกว่านะค่ะ สาวๆ  จะได้สวยแบบปลอดภัยด้วยไงค่ะ

สวยง่ายๆ ด้วยการฝังเข็ม

แต่การก้าวมาเป็นพระเอกคราวนี้ไม่ธรรมดา เพราะจะเป็นพระเอกที่จะช่วยฟื้นฟูความงามให้กลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง ด้วยวิธีการที่เรียกว่า "สวยจากภายใน"

ความสวยชะลอวัยด้วย "เข็ม" นี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก WHO แล้วว่า เป็นอีกสาขาหนึ่งของแพทย์ทางเลือกที่จะปลุก "พลังชี่" หรือ ลมปราณเลือดอวัยวะน้ำและสารภายในร่างกายให้คืนกลับสู่สมดุลอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่ภาวะสมดุลร่างกายและจิตใจก็ปลอดโปร่งโล่งสบาย ส่งให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง โรคาพยาธิก็หายอย่างปลิดทิ้ง

พ.ญ.สายชลี ทาบโลกา แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยเวชศาสตร์ฟื้นฟูประจำตรัยยา ผู้ได้รับประกาศนียบัตร ฝังเข็มจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า การฝังเข็มคือ การปรับหยินหยางปรับสมดุลในร่างกาย ที่วิทยาศาสตรมีการพิสูจน์ด้วยการฉีดสีเข้าไปที่จุดฝังเข็ม พบว่าเป็นช่องทางในการส่งสัญญาณไปจุดต่างๆ ในร่างกายตามทฤษฎีของเส้นเมอริเดียนที่จะเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ในร่างกายไว้ด้วยกัน เข็มที่จิ้มลงไปจะไปกระตุ้นระบบในร่างกาย ทั้งภูมิคุ้มกัน ต่อมไร่ท่อ ระบบประสาท กล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดไหลเวียน ผลที่ได้รับจะสะท้อนให้เห็นบนใบหน้าด้วย 

สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย หน้าหมองคล้ำ ห้อยย้อย ก็จะแปรเปลี่ยนสดใสเปล่งปลั่งตามวัยได้

ปัจจุบัน นอกจากจะใช้การฝังเข็มแล้ว ปัจจุบันมีการนำ "โกรทแฟกเตอร์" นวัตกรรมความงามจากศาสตร์ตะวันตกมาใช้ร่วมด้วย สวยด้วยเข็มนี้่แพทย์จะตรวจความผิดปกติของร่างกายด้วยการแมะชีพจร เพื่อพิจารณาเลือกจุดฝังเข็มจากนั้นผู้เข้ารับบริการต้องล้างหน้าให้สะอาด และจะมีการนวดหน้าก่อนที่แพทย์จะใช้เข็มที่ถูกผลิตมาเฉพาะที่มีขนาดเพียง 0.1-0.2 ม.ม.มาปักลงตามจุดต่างๆ กระหม่อม ใบหน้า มือ หน้าท้อง ขา เท้า (ตามอาการ) จนถึงระดับ เต๋อชี่หรือระดับที่ไปกระตุ้นลมปราณ จะทำให้รู้สึกถึงความตึงๆ แน่นๆ จากนั้นจะใช้กระแสไฟอ่อนๆ เข้าไปกระตุ้นปรับสมดุลการทำงานช่วยการไหลเวียนเลือดและลมปราณ ปิดท้ายด้วยการนวดหน้ากดจุดและพอกโกรทแฟกเตอร์ช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพผิว

ส่วนจะต้องทำลึกทำนานขนาดไหนนั้น อยู่ที่อาการของแต่ละบุคคล การทำอาจมีรอยช้ำเล็กๆ ที่จะหายได้ภายในไม่กี่วัน การฝังเข็มเพื่อความงามนี้ช่วยคืนความสดใสให้หน้าและผิวพรรณเปล่งปลั่ง ริ้วรอยเล็กๆ ลบเลือนได้ แต่จะไม่สามารถทำให้หน้าเด้งดึ๋งกลับไปเป็นสาวได้เหมือนการทำศัลยกรรม เรียกว่าช่วยให้สวยได้ตามวัย
นอกจากนั้นแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น นอนหลับ ลดการปวดเมื่อย ลดปวดไมเกรน ขับถ่ายดีขึ้น

สำหรับผู้สูงอายุ เด็กเล็ก สตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกไม่หยุด พึงระวังเพราะลมปราณอาจจะอยู่ในภาวะไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ
นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ "แพทย์" นำหนทางสู่ความสวยสมดุลมาเป็น "ทางเลือก" ให้กับผู้คน








การศัลยกรรม

            
    

                    น่ารู้การจัดฟันด้วยเลเซอร์ ฟันสวยทันใจ





อีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ที่คนที่กำลังต้องการการจัดฟันด้วยเลเซอร์ควรจะใส่ใจ โดยเฉพาะสาวๆ วัยรุ่นทั้งหลายชอบการจัดฟันเป็นอย่างมากค่ะ แต่คุณรู้จักกับ การจัดฟันด้วยเลเซอร์ กันบ้างรึยังค่ะ การดัดฟันหรือการจัดฟันทุกวันนี้นับเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ได้รับการตอบรับจากวัยรุ่นไทยเป็นอย่างดี การที่ฉีกยิ้มออกมาแล้วมีเหล็กดัดฟันสีนั้นสีนี้อยู่ในปากเป็นกระแสที่ไม่เคยตกยุคสักทีในขณะนี้ แต่ทว่านี้คือยุคไอแพดนะจ๊ะการที่สาวๆ จะฉีกยิ้มเพื่อโชว์รอยยิ้มสวยน่ารักของคุณแล้วต้องมาเจอกับเหล็กดัดฟันสำหรับบ้างคนที่ไม่ค่อยชอบเหล็กดัดฟันก็ดูกระไรๆ อยู่ วันนี้เราจึงได้นำเอา การจัดฟันด้วยเลเซอร์ มาแนะนำให้สาวๆ หนุ่มๆ ได้รู้กันค่ะ สำหรับ การจัดฟันด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีทางศัลยกรรมที่สามารถช่วยให้คุณๆ มีฟันสวยทันใจและแถมยังปลอดภัยอีกต่างหาก เอาเป็นว่าเราลองไปดู การจัดฟันด้วยเลเซอร์ กันเลยดีกว่านะค่ะ อ้อ...และที่สำคัญ การจัดฟันด้วยเลเซอร์นี้ยังสามารถช่วยลดปัญหาเหงือกอักเสบขณะจัดฟันได้อีกด้วย เห็นไหมหล่ะค่ะว่าคุณก็สามารอินเทรนด์และปลอดภัยแถมยังฉีกยิ้มสวยๆ ของคุณได้อย่างมั่นใจในเวลาเดียวกันอีกด้วยนะค่ะ

การจัดฟันด้วยเลเซอร์

เลเซอร์จัดฟันมีหลายความยาวคลื่นที่นำมาใช้ในการจัดฟัน แต่ละความยาวคลื่นมีจุดมุ่งหมายในการเลื่อนฟันที่แตกต่างกัน คือ มีช่วงแรก ช่วงกลางและช่วงปลาย ซึ่งแต่ละช่วงในการจัดฟันต้องใช้ความยาวคลื่นที่แตกต่างกันด้วย

วิธีการจัดฟันด้วยเลเซอร์

- เหมือนการจัดฟันทั่วๆ ไป คือต้องมีการตรวจสภาพเหงือกและฟันก่อน จากนั้นจึงพิมพ์ฟัน เอ๊กซเรย์ และติดเครื่องมือจัดฟัน

- ใช้เลเซอร์กระตุ้นฟันให้เคลื่อนตัวเร็วก่อนจะติดเครื่องมือจัดฟัน จากนั้นทันตแพทย์จะนัดหมายให้มาพบเพื่อใช้เลเซอร์จัดฟันช่วยกระตุ้นฟันและเปลี่ยนลวดจัดฟัน จึงต้องมาพบทันตแพทย์ถี่กว่าการจัดฟันปกติทั่วไป ข้อดีของการใช้เลเซอร์จัดฟัน

- ช่วยให้ฟันเลื่อนตัวได้เร็วกว่าปกติ 2-4 เท่า

- ปรับแต่งเหงือกให้มีความสูงต่ำได้

- สามารถบังคับฟันในตำแหน่งที่ต้องการให้เดินเร็วขึ้น หรือดึงเข้าไปมากขึ้นในคนไข้ที่มีฟันยื่นมากๆ

- ช่วยให้คนที่แทบจัดฟันแบบธรรมดาไม่ได้ (อาจต้องผ่าตัด) ให้สามารถจัดฟันได้ตามปกติโดยไม่ต้องผ่าตัด

- ช่วยกระตุ้นให้แผลในปากหายเร็ว เช่น แผลจากการถอนฟันหรือแผลฟันคุดก่อนการจัดฟัน

- ช่วยกระตุ้นให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพดีขึ้นระหว่างการจัดฟันและหลังการจัดฟัน คือ ช่วยให้ฟันมีความคงตัวเร็วขึ้นและช่วยลดระยะเวลาในการใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน

- ช่วยฟอกสีฟัน รักษาโรคเหงือกและรักษาอาการอักเสบระหว่างการจัดฟัน

- แสงเลเซอร์จะช่วยฆ่าเชื้อในร่องเหงือกโดยเฉพาะเหงือกอักเสบฉับพลันหรือบวม

นอกจากเลเซอร์แล้วก็ยังมีผู้ช่วยในการจัดฟันอีกสองตัวคือ LED + หมุดจัดฟัน ทั้งสองตัวนี้จะช่วยให้การจัดฟันเร็วขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาฟันยื่นมากหรือกรณีที่คนไข้ไม่อยากถอนฟัน ความปลอดภัยของเลเซอร์จัดฟันมีความปลอดภัยเพราะใช้พลังงานต่ำแทบไม่มีความเสียวฟัน ส่วนอาการเจ็บก็เนื่องมาจากการจัดฟันไม่ได้เกิดจากเลเซอร์จัดฟัน








การศัลยกรรม



        การผ่าตัดลดน้ำหนัก "หนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอม"




สาวๆ คนไหนที่มีความคิดว่าอยากผอมและรู้ตัวว่ามีน้ำหนักเกินความเป็นจริงต้องฟังทางนี้เลยนะค่ะ สำหรับการผ่าตัดลดน้ำหนักเชื่อไหมค่ะว่ายังมีคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิดตัวมากๆ หรือที่เรารู้ๆ กันในนามว่าโรคอ้วนนั้นเอง สำหรับโรคอ้วนถือว่า เป็นความทุกข์ทรมานอย่างมากสำหรับใครที่พบเจอกับปัญหานี้อยู่ เพราะนอกจากจะมาทุกทรมานกับน้ำหนักที่เกินพิกัดแล้วยังจะส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจด้วย ซ้ำยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกด้วย วันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้เรื่องของ การผ่าตัดลดน้ำหนัก มาบอกให้ได้รู้กันค่ะ ถ้าจะมองว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตราย วันนี้ถ้าคุณลองทำความเข้าใจกับ การผ่าตัดลดน้ำหนัก ที่เป็นวิธีทางศัลยกรรมนี้สักนิดแล้วความคิดของคุณจะเปลี่ยนไป หวังว่า การผ่าตัดลดน้ำหนัก จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยคุณแก้ปัญหาที่น่าหนักใจนี้ได้นะค่ะ


การผ่าตัดลดน้ำหนัก


โดยปกติโรคอ้วนนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัญหาสุขภาพต่างๆ นับตั้งแต่อาการปวดสะโพก ปวดเข่า ปวดเท้าและปวดหลังเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ระดับไขมันในเลือดสูง ความสมดุลของฮอร์โมนผิดปกติ นิ่วในถุงน้ำดี ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ ภาวะมีบุตรยาก เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง รวมถึงความผิดปกติอื่นๆ อีกหลายประการที่อาจก่อให้เกิดผลร้ายแก่ชีวิต

ส่วนผลต่อสภาวะจิตใจคงพอเข้าใจกันได้ไม่ยากเนื่องจากใครที่มีน้ำหนักตัวเกินไปมากๆ หรืออ้วนเผละจนรูปลักษณ์ภายนอกสะดุดตาคนรอบข้างก็มักจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบตามหลังมาให้เสียความมั่นใจ บางครั้งบั่นทอนกำลังใจจนแทบไม่อยากเจอะเจอหน้าผู้คนเอาเลย เห็นถึงผลเสียของการแบกน้ำหนักส่วนเกินมากๆ เอาไว้แล้วก็เชื่อว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนคงไม่นิ่งนอนใจที่จะหาวิธีการต่างๆ เพื่อรีดน้ำหนักทิ้งไป ทางเลือกในการลดน้ำหนักมีหลายวิธีถ้าเป็นวิธีที่มีใช่การผ่าตัดก็อย่าง เช่น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย รับประทานยาลดน้ำหนัก เป็นต้น แต่บ่อยครั้งที่วิธีลดน้ำหนักดังกล่าวใช้ไม่ได้ผล อย่างนี้ก็ต้องลองมองหาทางเลือกอื่นๆ ดู ปัจจุบันในทางการแพทย์มีอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษานั่นคือ "การผ่าตัดลดน้ำหนัก" โดยการผ่าตัดเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถลดน้ำหนักได้ในระยะยาว

การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักเป็นการทำให้กระเพาะอาหารเล็กลงจนบรรจุอาหารได้น้อยลงหรือทำให้ลำไส้เล็กสั้นลงเมื่อรับประทานอาหารจึงทานได้ทีละน้อยและทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้น้อยลงเป็นการป้องกันการนำอาหารไปแปรเปลี่ยนเป็นไขมันได้อย่างดี เมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากอาหารก็จะไปดึงเอาพลังงานสำรองคือไขมันสะสมที่อยู่ตามส่วนต่างๆ มาใช้ ทำให้ไขมันสะสมลดลงและน้ำหนักก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

การผ่าตัดลดน้ำหนักจะทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องภายหลังจากการผ่าตัด 18-24 เดือน ประมาณ 75% ของผู้รับการผ่าตัดน้ำหนักจะคงที่ แต่มีบางส่วนน้ำหนักจะกลับเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยและมีส่วนน้อยที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิมถือเป็นการรักษาที่มีสัดส่วนของการได้ผลสูงมาก ที่สำคัญกว่านั้น ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดจากการมีน้ำหนักตัวมากเกินไปก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น เมื่อการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผลการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักจึงเป็นการรักษาเพียงวีเดียวที่สามารถให้ผลการควบคุมน้ำหนักระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการปรับและเปลี่ยนวิถีชีวิตต้องเข้าใจว่าการลดน้ำหนักหลังการน่าตัดมิใช่จะเกิดขึ้นแบบฮวบฮาบและยังต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย

โดยทั่วไป วิธีการผ่าตัดลดน้ำหนัก แบ่งได้เป็น 3 แบบ ดังนี้


1. การผ่าตัดแบบบายพาส

2. การผ่าตัดเย็บกระเพาะให้เล็กลง กินอาหารได้ทีละน้อย

3. การใช้แถบรัดกระเพาะอาหาร (SAG-BAND)

เมื่อวิธีการผ่าตัดลดน้ำหนักมีให้เลือกหลายแบบและหลายวิธี การที่ผู้ป่วยจะเลือกวิธีใดควรได้รับวินิจฉัยเป็นรายตัวจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก การรักษาที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาอย่างพิถีพิถันรอบคอบ อย่างไรก็ตามปัจจุบันการใช้แถบรัดกระเพาะอาหาร (SAG-BAND) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากเพราะการผ่าตัดไม่ซับซ้อนเหมือนการผ่าตัดอื่นๆ ถ้าไม่พอใจก็อาจแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้ นอกจากนั้นวิธีนี้ยังนำไปสู่การดำรงชีวิตแบบมีสุขภาพดีมากขึ้นโดยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับการลดน้ำหนักน้อยกว่าการลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดแบบอื่น


SAG-BAND คืออะไร?


คำว่า "SAG-BAND" ย่อมาจาก Swedish Adjustable Gastric Band เป็นการผ่าตัดเพื่อลดและควบคุมน้ำหนักสำหรับผู้ป่วยที่มีความอ้วนมากๆ ซึ่งใช้วิธีการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และรับประทานยาแล้วยังลดน้ำหนักไม่ได้ โดยวิธีนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในยุโรปมาไม่น้อยกว่า 10 ปี

ในการทำ SAG-BAND แพทย์จะผ่าตัดภายใต้กล้องโดยเจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้องเพื่อนำสายรัดกระเพาะอาหารที่มีบัลลูนด้านในรัดบริเวณส่วนต้นของกระเพาะอาหารเพื่อให้กระเพาะอาหารส่วนบนมีขนาดเล็กลง นอกจากจะทำให้ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานที่มากเกินไปและลดปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละวันแล้ว ยังทำให้รับประทานอาหารและรู้สึกหิวน้อยลงด้วยส่งผลให้น้ำหนักลดได้เองทีละน้อย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยจะต้องเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารด้วยเช่นกันเพราะการควบคุมอาหารหลังผ่าตัดและการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเป็นสิ่งสำคัญมากที่สำคัญเมื่อน้ำหนักลดลงได้ตามที่ต้องการ ผู้ป่วยสามารถถอด SAG-BAND ออกและคืนขนาดกระเพาะอาหารเหมือนเดิมได้

ดังนั้น การผ่าตัดลดน้ำหนักด้วยวิธี SAG-BAND จึงนำไปสู่การดำรงชีวิตแบบมีสุขภาพดีมากขึ้น เพราะหลังจากน้ำหนักลดลงไปส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นจากโรคที่เป็นอยู่กระฉับกระเฉงและคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มีบุคลิกภาพและความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เรียกว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจอย่างเห็นได้ชัด

โรคอ้วนเป็นปัญหาที่คุกคามคนจำนวนไม่น้อย ถ้าการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นถึงทางตันการผ่าตัดลดน้ำหนักก็น่าเป็นอีกทางเลือกที่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะ SAG-BAND ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่น่าสนใจและให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ







วิธีการศัลยกรรม



        ปากดำทำไงดี? แก้ปากดำ ... ด้วยวิธีนี้ซิจ๊ะ!!!






สาวๆ คนไหนที่กำลังประสบพบเจอกับปัญหาปากดำทำไงดี? วันนี้เราก็เลยนำเอาวิธีแก้ปากดำมาฝากกันค่ะ ปัญหาปากดำคงเป็นเรื่องที่หลายๆ คนทำใจได้ยาก โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเราๆ ที่มักจะกังวลเป็นพิเศษเพราะไหนจะไม่สวยแล้วยังจะถูกมอง ถูกล้อ ว่าเป็นคนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ หรือไม่ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นพวกสูบบุหรี่จัดทำให้ถึงกับเสียเครดิตไปอีกด้วย วันนี้เราก็เลยนำวิธีแก้อาการปากดำทำไงดี? กับคำตอบในการ แก้ปากดำ เคยสงสัยกันบ้างไหมค่ะว่าริมฝีปากดำเกิดจากอะไรต้องบอกเลยว่าไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว เพราะบางทีก็เกิดจากการสูบบุหรี่บ้าง เกิดจากการกัดริมฝีไปปบ้าง และก็รู้ๆ กันดีว่าปัญหานี้นั้นแก้ชนิดที่เรียกได้ว่ายากมากๆ วันนี้เราก็เลยนำการแก้ปัญหาปากดำทำไงดี? ด้วยวิธี แก้ปากดำ ในรูปแบบของการทำศัลยกรรม รับรองว่าถ้าคุณลองศึกษารายละเอียดให้ดีๆ การทำศัลยกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แล้วการแก้ปัญหา ปากดำทำไงดี? ด้วยการแก้ปากดำในแบบศัยกรรมจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คุณสนใจแน่นอนค่ะ


ปากดำทำไงดี? แก้ปากดำ

ปัญหาริมฝีปากดำจึงอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือมาจากหลายๆ สาเหตุประกอบกันก็ได้ ส่วนการจะรักษาก็ต้องพิจารณาจากสาเหตุเป็นหลักค่ะอย่างง่ายที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นสาเหตุ เป็นต้นว่า ถ้าเกิดจากการทำพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น สูบบุหรี่ทุกวัน หรือชอบกัดริมฝีปากตัวเองตลอดเวลา ก็ให้พยายามละ เลิก พฤติกรรมนั้นๆ เสีย หรือถ้าเกิดจากการแพ้สารสัมผัส เช่น แพ้สารบางอย่างในลิปสติก ดินสอเขียนตัดขอบปาก หรือขี้ผึ้งทาปากบางชนิดก็ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไปเลยหรือบางท่านที่แพ้อาหารหรือยาบางชนิดก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือยาดังกล่าว

หากสามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุต่างๆ ได้ โอกาสที่ริมฝีปากจะลดความดำลงก็เป็นไปได้ในระดับหนึ่งทีเดียวเพราะโดยธรรมชาติร่างกายจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทำให้ริมฝีปากที่เคยดำเปลี่ยนกลับเป็นสีเดิม อย่างไรก็ตามวิธีข้างต้นอาจช่วยลดรอยดำได้เพียงบางส่วนถ้าอยากให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้นคงต้องใช้ยาทาหรือยารับประทานมาช่วยเสริมอีกทางหนึ่งแล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะการใช้ยาทามักทำให้ริมฝีปากหายเร็วขึ้นและเมื่อหยุดยาจะไม่ทำให้ริมฝีปากกลับมาดำคล้ำขึ้นอีกเว้นแต่จะกลับมามีสาเหตุใหม่ เช่น กลับไปสูบบุหรี่เหมือนเดิมหรือใช้ลิปสติกที่เคยแพ้อีก เป็นต้น

เลเซอร์ปากดำ

ส่วนผู้ที่มีริมฝีปากดำจากพันธุกรรมหรือเกิดจากการสูบบุหรี่แล้วรักษาด้วยวิธีอื่นไม่เป็นผลเห็นจะต้องพึ่งแสงเลเซอร์ทับทิม (Ruby Laser) มาช่วยในการแก้ปัญหาแล้วล่ะค่ะ วิธีนี้มีหลักการคือ การใช้แสงเลเซอร์ไปทำลายเม็ดสีผิวในการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ แพทย์จะใช้ยาชาชนิดครีมทาบริเวณริมฝีปากก่อนโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง เวลาที่ทำจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ การรักษาด้วยแสงเลเซอร์แต่ละครั้งใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังทำจะรู้สึกร้อนแต่พอป้ายยาที่แพทย์สั่งให้แล้วจะรู้สึกดีขึ้น จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นกับความเข้มของสีผิวที่ริมฝีปากแต่ส่วนใหญ่เฉลี่ยราว 2-3 ครั้ง

ภายหลังทำเลเซอร์ ในช่วง 7 วันแรก ให้หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือขี้ผึ้งทุกชนิดยกเว้นยาทาที่แพทย์สั่ง นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ยาสีฟันที่มีรสเข้มข้นหรือรสเผ็ดจัด และมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาที่สำคัญอีกประการก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำอีกด้วย

ผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากดำไม่ควรลองผิดลองถูกหรือหาซื้อยามาทาเองโดยเฉพาะยาที่มีขายดาษดื่นตามท้องตลาด เพราะอาจเกิดผลเสียในระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุพบแล้วก็จะได้ทำการรักษาในแนวทางที่ถูกต้อง ส่วนจะเป็นวิธีใดแนวทางไหนคงต้องขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา






การศัลยกรรม



          นวัตกรรมใหม่ "เลเซอร์ผิวหนัง" เพื่อผิวสวยหน้าใส





วันนี้เรามีเกร็ดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำเลเซอร์ผิวหนังมาฝากกันค่ะ ความสวยเป็นอีกหนึ่งความคิดที่สาวๆ หลายคนต้องการให้เป็นจริงดังนั้นสาวๆ ทั้งหลายจึงต้องตามหาวิธีเพิ่มความสวยในรูปแบบต่างๆ มากมาย และก็อย่างที่เรารู้กันว่าทุกวันนี้นวัตกรรมเพื่อความงามก็มีมากมายจนไม่รู้ว่าสาวๆ ทั้งหลายจะใช้วิธีไหนดีถึงจะได้ผล อันนู้นก็น่าใช้ อันนี้ก็น่าจะได้ผล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลผิวพรรณถือเป็นจุดสำคัญที่สาวๆ ทั้งหลายมักจะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และอีกหนึ่งวิธีที่สาวๆ ทั้งที่ต้องการให้สภาพผิวหน้าของตนเองขาวนวลเนียนปราศจากไฝฝ้านั้นก็คือ การรักษาด้วย เลเซอร์ผิวหนัง สำหรับการรักษาด้วย เลเซอร์ผิวหนัง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการทำศัลยกรรมก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้เกี่ยวกับ เลเซอร์ผิวหนัง เพื่อผิวสวย หน้าใส มาให้สาวๆ ที่กำลังคิดจะอยากจะมีผิวสวย หน้าใส ทำสวยด้วยวิธีเลเซอร์ผิวหนังนี้มาแนะนำให้ได้รู้กันค่ะ


นวัตกรรมใหม่ "เลเซอร์ผิวหนัง"


ด้วยความสะดวก รวดเร็ว ไม่เจ็บปวด ทั้งไม่ต้องนอนพักรักษาตัวทำให้การจี้กระ ไฝ ฝ้า ปาน รอยแผลเป็นและริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์ด้วยเลเซอร์เป็นที่นิยมในหมู่สุภาพสตรี แต่ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการเลเซอร์ผิวหนังคุณรู้เรื่องเหล่านี้บ้างหรือยัง

- เลเซอร์ผิวหนังเขาทำกันอย่างไร

แพทย์จะใช้ลำแสงเลเซอร์เฉพาะทางการศัลยกรรมมีลักษณะเป็นลำแสงอ่อนๆ ที่มีคุณสมบัติคมเฉียบเหมือนมีด ซึ่งสามารถปรับระดับให้ลึกและคมแค่ไหนก็ได้เมื่อโฟกัสไปยังจุดที่ต้องการ จากนั้นใช้ลำแสงความร้อนค่อยๆ เฉือนเนื้อเยื่อบางๆ ออกทิ้งไป โดยที่ผู้ไปรับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยนิด จากนั้นศัลยแพทย์จะให้ยาไปทาเพื่อช่วยสมานผิวให้กลับคืนสู่สภาพปกติ

- ผลที่ได้รับจากเลเซอร์ผิวหนัง

แผลเป็นหรือรอยด่างดำจะจางหายไปหลังจากทำศัลยกรรม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการกำจัด กระ ไฝ ฝ้า ปานหรือรอยสัก ซึ่งคุณไม่ต้องใช้เวลารักษานานแรมปี เช่น การใช้เวชสำอางต่างๆ นอกจากนี้ยังไม่มีอาการเจ็บปวดและเสียเลือดแม้แต่น้อย

- เลเซอร์ผิวหนังความเสี่ยงมีไหม

แน่นอนว่าความเสี่ยงหรืออันตรายที่เกิดจากการทำศัลยกรรมอาจไม่ได้เกิดกับทุกคน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ใช้เลเซอร์ เพราะรอยแผลเป็นอาจเกิดขึ้นได้หากศัลยแพทย์ขาดความเชี่ยวชาญใช้แสงเลเซอร์ในระดับความร้อนที่เข้มมาก จนผ่าเอาเนื้อเยื่อในระดับที่ลึกมากเกินไปหรือบางกรณีเกิดขึ้น จากการที่คุณดูแลรักษาตัวเองไม่ดีพอหลังจากกลับไปบ้านแล้ว โดยเฉพาะหลังจากเลเซอร์มาใหม่ๆ แล้วผิวส่วนนั้นโดนแดด ลม หรือน้ำอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดอาการอักเสบหรืออันตรายได้

คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธว่า ไม่อยากสวยและในเมื่อปัจจุบันหนทางแห่งความงามมีทางเลือกมากมายไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเสี่ยงกับวิธีไหนก็ควรศึกษาข้อมูลให้พร้อมเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง








ศัลยกรรม




                   น่ารู้! การฉีดไขมันที่แก้ม "แก้ปัญหาแก้มตอบ"




วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการฉีดไขมันที่แก้มมาบอกคุณสาวๆ กันค่ะ เชื่อได้เลยว่าสาวๆ นับร้อยอยากมีพวงแก้มที่สดใส อวบอิ่ม ไม่ใช่แก้มตอบๆ แบบที่ทำให้ใบหน้าดูซูบผอมที่ดูเหมือนไม่มีชีวิตชีวาอะไรแประมาณนั้น แต่วิธีแก้ปัญหาแก้มตอบนี้สิมักจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของคุณสาวๆ ทั้งหลาย วันนี้เราก็เลยนำเอาวิธีทางศัลยกรรมมาให้สาวๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้ได้ลองศึกษากันกับ การฉีดไขมันที่แก้ม หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการทำศัลยกรรมส่วนมากนั้นจะเป็นอันตราย วันนี้เราก็เลยได้นำ การฉีดไขมันที่แก้ม มาให้สาวๆ ที่อยากลองไปสวยด้วยศัลยกรรมแต่กลัวเป็นอันตรายมาให้ได้ลองได้ศึกษากันค่ะ แล้วการทำศัลยกรรมจะไม่ใช่เรื่องที่หน้ากลัวสำหรับคุณอีกต่อไปแล้วรับรองได้เลยว่า การฉีดไขมันที่แก้ม จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ปัญหาแก้มตอบที่น่ากังวลใจสำหรับคุณสาวๆ ได้เป็นอย่างดี ว่าแล้วเราเข้าไปทำคาวมเข้าใจกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับการฉีดไขมันที่แก้มกันเลยดีกว่าค่ะ


การฉีดไขมันที่แก้ม "แก้ปัญหาแก้มตอบ"

วิธีนี้จะช่วยให้แก้มที่ดูตอบแห้งอิ่มเอิบขึ้นอย่างที่ปรารถนาเลยทีเดียว โดยไขมันที่นำมาฉีดก็ไม่ใช่ของใครอื่นแต่แพทย์จะนำมาจากตัวของผู้มารับการรักษา โดยดูดได้จากหลายตำแหน่งในร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา ฯลฯ จากนั้นจะนำมาผ่านการเตรียมที่ถูกต้องจนได้เซลล์ไขมันที่สามารถฉีดเข้าบริเวณแก้มได้โดยตรง

การฉีดไขมันถือว่ามีความปลอดภัยมากเพราะเป็นเนื้อเยื่อของตัวเอง ดังนั้น จึงหมดห่วงเรื่องของอาการแพ้ นอกจากนั้นยังไม่ต้องกังวลว่าไขมันที่ฉีดเข้าไปจะไหลไปตามบริเวณข้างเคียงหรือทำให้ผิวหนังแข็งเป็นก้อนๆ ด้วย

ทีนี้มาว่ากันถึงขั้นตอนของการฉีดไขมันเข้าแก้มกันบ้าง เริ่มจากการเตรียมไขมันที่จะนำมาใช้ฉีดเสียก่อน โดยแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะดูดไขมันจากนั้นจะฉีดน้ำเกลือผสมยาชาเพื่อให้ไขมันในตำแหน่งที่จะดูดละลายเป็นน้ำมากขึ้นทำให้ดูดได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยทั่วไปแพทย์จะดูดไขมันออกมาให้เพียงพอที่จะฉีดซึ่งมักจะไม่เกิน 100 ซีซี แล้วนำไขมันที่ได้มาเตรียมเพื่อให้พร้อมสำหรับใช้ฉีดต่อไป
บางท่านอดเป็นกังวลเรื่องแผลที่เจาะดูดไขมันไม่ได้ ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะแผลจะมีขนาดเล็กมากกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตร (ประมาณเท่าหัวไม้ขีด) โดยแพทย์จะเย็บปิดแผลเพียง 1 เข็ม ก่อนจะปิดด้วยพลาสเตอร์หรือผ้าพันแผล ส่วนบริเวณที่ดูดไขมันเมื่อหายบวมแล้วจะไม่มีรอยเปลี่ยนแปลงไม่เป็นคลื่นหรือไม่เป็นรอยบุ๋มของผิวให้ต้องหงุดหงิดหัวใจค่ะ

เมื่อไขมันที่จะใช้ฉีดถูกเตรียมพร้อมแล้วก็ต้องเตรียมคนไข้ให้พร้อมด้วย โดยแพทย์จะให้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้นเพื่อให้คนไข้คลายความวิตกกังวลและเมื่อฉีดยาขาบริเวณแก้มที่จะเติมไขมันจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นแพทย์จะฉีดเติมไขมันตามส่วนต่างๆ ของแก้มในตำแหน่งที่กำหนดไว้ โดยแผลที่ฉีดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ แต่ส่วนมากแล้วบริเวณแก้มที่ฉีดจะมีรอยแผลเล็กๆ ของรูเข็มเพียงด้านละ 1 รอยเท่านั้น

หลังการฉีดคนไข้จะต้องนอนพักประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยานอนหลับหมดฤทธิ์ดีเสียก่อนแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนนั่นก็คือ หลังจากฉีดไขมันเข้าที่บริเวณแก้มแล้วโดยธรรมชาติไขมันจะหดตัวหรือลดจำนวนลงประมาณ 30-50% ดังนั้น นอกจากแพทย์จะเติมไขมันตามที่ต้องการแล้วยังต้องเพิ่มเติมส่วนที่จะลดลงเผื่อเอาไว้ด้วยทำให้แก้มในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะดูใหญ่กว่าที่ต้องการได้แต่หลังจากนั้นแก้มจะค่อยๆ ยุบตัวจนกระทั่งได้แก้มที่อวบอิ่มพอดีตามต้องการ







การศัลยกรรม



           น่ารู้เรื่อง โบท๊อก และ ฉีดโบท๊อกหน้าเรียว






เรื่องหน้ารู้เกี่ยวกับโบท๊อกและการฉีดโบท๊อกหน้าเรียวเป็นอีกหนึ่งการทำศัลยกรรมที่สาว ๆ ทั้งหลายให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ และจากผมสำรวจพบว่าการทำ โบท๊อก เป็นตัวช่วยที่คงความสวยให้คุณสาว ๆ ได้อย่างดีที่สุดและการ ฉีดโบท๊อกหน้าเรียว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สาว ๆ หลายคนเลือกใช้กัน วันนี้เราก็เลยนำเอาเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ ฉีดโบท๊อกหน้าเรียว มาฝากกันค่ะ หลาย ๆ คนก็อาจจะมองว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่หน้ากลัว แต่ถ้าเราลองทำความเข้าใจกับมันสักนิดศึกษากับมันสักหน่อยการทำศัลยกรรมก็จะไม่ใช่เรื่ิองที่น่ากลัวอีกต่อไปค่ะ แต่เราก็ควรศึกษาของเรื่องการทำศัลยกรรมให้ถี่ถ้วนที่สุดเพื่อป้องกันความผิดพลาด งั้นเราไปดูที่มาของโบท๊อกและเรื่องการฉีดโบท๊อกหน้าเรียวกันดีกว่านะค่ะ อยากสวยอยากใสแบบถูกวิธีก็ต้องห้ามพลาดเกร็ดน่ารู้ดี ๆ ของเราในวันนี้เป็นเด็ดขาดเลยนะค่ะ


โบท๊อก และ ฉีดโบท๊อกหน้าเรียว

โบท๊อก คือ

โบท็อกซ์เป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรานำมาใช้รักษาริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อ คือเมื่อกล้ามเนื้อเราหดเกร็งและเป็นอยู่แบบนั้นบ่อยๆ เข้ามันก็จะเกิดรอยย่น เราก็ใช้โบท็อกซ์มาเป็นตัวรักษาซึ่งจะเป็นการฉีดเพื่อไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อที่เกิดรอยย่นนั้นทำงานน้อยลง ซึ่งคนที่เดินเข้ามาหาหมอส่วนใหญ่จะอายุสามสิบปีไปแล้ว เพราะอ่อนวัยกว่านั้นโดยธรรมชาติเขาจะไม่มีริ้วรอยอยู่แล้ว ยกเว้นว่าเขามีกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป เช่น รอยขมวดคิ้ว ซึ่งบางคนเป็นเหมือนนิสัยไปแล้วว่าเครียดนิดเครียดหน่อยก็ขมวดคิ้วซึ่งก็จะทำให้หัวคิ้วเกิดรอยย่นได้

โดยส่วนใหญ่ในการฉีดโบท็อกซ์ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็จะยังคงสามารถอยู่สภาพนั้นได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย แต่ถ้าฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ก็อาจอันตรายได้อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าเกิดฉีดลึกเกินไปแล้วไปโดนกล้ามเนื้อมัดที่เราไม่ต้องการก็อาจเกิดปัญหา เช่น ตั้งใจมาฉีดหนังตาตก แล้วพลาดไปฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อที่ช่วยยกตาก็ทำให้กล้ามเนื้อนั้นอ่อนแรงลงก็จะยิ่งทำให้หนังตาตกยิ่งขึ้น

ฉีดโบท๊อกหน้าเรียว

ฉีดข้างละประมาณ 5 จุด มีสองอย่างคือผู้หญิงที่กรามใหญ่ เราก็ไปฉีดตรงกรามเพื่อลดกล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นให้เล็กลง รูปหน้าก็จะเรียวขึ้น ใบหน้าบริเวณขากรรไกรเรียวขึ้น ในการทำหมอจะให้คนไข้กัดฟัน แล้วกล้ามเนื้อบริเวณกรามก็จะขึ้นมาให้เห็นชัดเจน เราก็จะฉีดไปที่บริเวณนั้น ส่วนอีกอันคือการฉีดยกแก้ม ส่วนใหญ่คนที่มาฉีดวิธีนี้ก็คืออายุ 40 ปีไปแล้วที่มีการดึงของกล้ามเนื้อคอแล้วทำให้แก้มตกลงมา ทำให้ดูมีเนื้อเยอะ ใหญ่แก้มย้อย การฉีดก็เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงแก้มนั้นทำงานน้อยลง โดยจะฉีดที่ขากรรไกรเลย

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย

- หน้าผาก รอยย่นบริเวณนี้มักเกิดจากการที่เรายักคิ้วขึ้น การฉีดจะต้องฉีดหลายจุด คือเห็นรอยตรงไหนก็ฉีดที่ตรงนั้นเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ฉีดแล้วผลการรักษามักจะอยู่ได้ยาวนานกว่าส่วนอื่นๆ อาจจะประมาณ 8 เดือน เพราะในชีวิตประจำวันเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อตรงนี้มากนัก

- หว่างคิ้ว ฉีดเพื่อลดรอยย่นของคนที่ชอบขมวดคิ้ว เช่นคนที่เครียดนิดหน่อยก็ขมวดคิ้วก็จะเกิดริ้วรอยที่บริเวณนี้ได้ง่ายการฉีดจะประมาณ 3-5 จุด สำหรับกรณีคุณนัทตี้ที่ยกมาที่บอกว่าฉีดที่หว่างคิ้วแล้วทำให้ชั้นที่ตาหายไปหมอคิดว่าอาจเกิดเพราะเมื่อฉีดหว่างคิ้วมันจะทำให้คิ้วมีการยกตัวขึ้น ชั้นของหนังตาจึงถูกดึงขึ้นมาด้วย

- ตีนกา เวลาฉีดหมอจะให้คนไข้ยิ้มแล้วพอเห็นรอยตีนกาตรงไหนเราก็ฉีดไปตรงนั้น ส่วนใหญ่ก็บริเวณหางตา ตรงนี้มักเป็นส่วนที่ยาหมดฤทธิ์และคนไข้ต้องมาฉีดใหม่เร็วที่สุด เพราะในชีวิตประจำวันเรามักจะยิ้มกล้ามเนื้อส่วนนี้เลยต้องทำงานเยอะ

- ข้างจมูก ปีกจมูก สำหรับคนที่ปีกจมูกบานก็สามารถฉีดเพื่อให้ปีกจมูกลดลงได้ เพราะโดยหลักการแล้วการที่ปีกจมูกเราบานเป็นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีการหดขยาย ซึ่งอาจจะดึงทำให้ปีกจมูกยกขึ้นและจมูกดูใหญ่ พอเราฉีดปีกจมูกกล้ามเนื้อนั้นทำงานน้อยลง มันก็จะไม่ยก ปีกจึงดูจมูกเล็ก โดยการฉีดเราจะฉีดข้างละ 1 จุด

- คอ ฉีดข้างละประมาณ 5-10 จุด ซึ่งจะฉีดเท่าไหร่หมอจะเป็นผู้พิจารณา โดยจะฉีดมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะที่คอจะมีกล้ามเนื้อของการกลืน ถ้าฉีดมากหรือลึกเกินไปก็อาจทำให้คนไข้กลืนลำบาก ส่วนคนที่เข้ามาฉีดโบท็อกซ์ที่คอมักจะเป็นวัย 50 ปีไปแล้วที่เริ่มคอเป็นชั้นๆ ริ้วๆ และมีรอยเหี่ยวย่นที่คอ หมอก็จะให้คนไข้กัดฟันเพื่อให้เห็นลำของกล้ามเนื้อ แล้วก็ฉีดไปตามแนวรอยที่ขึ้น

ฉีดโบท็อกลดเหงื่อ

รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (ลดเหงื่อ) ฉีดประมาณ 20 จุด ใช้สำหรับคนที่มีปัญหามีเหงื่อออกเยอะ และเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ เช่น อยู่เฉยๆ หรืออยู่ในห้องแอร์ก็มีเหงื่อ ซึ่งจะฉีดแค่ตื้นๆ ไม่ลึกเหมือนการฉีดริ้วรอยเป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อเพื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อออกไปมาก

ฉีดโบท็อกลดน่อง

ฉีดให้กับคนที่น่องโตซึ่งการโตจะมี 2 ประเภท คือ โตเพราะอ้วนกับโตเพราะกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกซ์จะทำในกรณีที่โตเพราะกล้ามเนื้อซึ่งจะเห็นกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นมัดๆ ในการฉีดลดน่องอาจต้องมาฉีดหลายครั้งหน่อย อาจจะ 3 เดือนมาฉีดสักครั้งหนึ่ง เพราะเราต้องเดินทุกวัน กล้ามเนื้อส่วนนี้ก็ต้องทำงานทั้งวันทุกวัน โดยเฉพาะสาวที่ใส่ส้นสูงยิ่งต้องใช้มาก 







ศัลยกรรม


     

     น่ารู้! เครื่องเซลลูไลท์ IP (เครื่องกำจัดเซลลูไลท์)





  เป็นนวัตกรรมความงามทางศัลยกรรมที่น่ารู้สำหรับเครื่องเซลลูไลท์ IP หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า เครื่องกำจัดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้มหรือเรีกตามภาษาแพทย์ว่าเซลลูไลท์ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คุณผู้หญิงส่่วนมากกังวลใจอยู่ไม่น้อย จุดก่อตัวของเจ้าเซลลูไลท์ จะอยู่ตรงช่วงสะโพก หน้าท้อง ต้นขา นี้นับเป็นจุดที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้คุณเลิกกังวลใจได้เลยเพราะเราได้นำ เครื่องเซลลูไลท์ IP หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เครื่องกำจัดเซลลูไลท์ มาเป็นตัวช่วยคลายความกังวลให้คุณแล้วค่ะ เจ้า เครื่องกำจัดเซลลูไลท์ จะเป็นนวัตกรรมทางศัลยกรรมสุดทันสมัยที่จะมาช่วยกำจัดส่วนไม่พึงประสงค์ให้กับคุณสาว ๆ ทั้งหลาย และมีการยืนยันมาอย่างชัดเจนแล้วด้วยว่า เครื่องเซลลูไลท์ IP เป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมสุดไฮเทคที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการกำจัดเซลลูไลท์ที่ไม่พึงประสงค์ให้กับผู้หญิงนับล้านได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

น่ารู้! เครื่องเซลลูไลท์ IP (เครื่องกำจัดเซลลูไลท์)


เกริ่นมาข้างต้นก็ว่าน่าตกใจแล้ว แต่ยังไม่หมดค่ะ เพราะเซลลูไลท์เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยโดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นที่มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเท่านั้น คนที่น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือแม้แต่ผู้ที่เคยลดความอ้วนมาก่อนก็มีเซลลูไลท์สะสมได้เช่นกัน ทราบอย่างนี้ไม่ใส่ใจคงจะไม่ได้แล้วค่ะ ในตอนนี้หมอจึงแนะนำวิธีการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยให้ผิวของคุณกลับมาตึงเรียบเนียนสวยอีกครั้งค่ะ แต่ก่อนอื่นมารู้จักกับเซลลูไลท์กันก่อนนะคะ

การก่อตัวของเซลลูไลท์สืบเนื่องมาจากชีวิตความเป็นอยู่ที่เร่งรีบไม่มีเวลาออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน และการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนส่งผลให้เกิดสะสมของไขมันอย่างผิดปกติบริเวณภายใต้ชั้นผิวหนังผลที่ตามมาก็คือ ผนังที่หุ้มเซลล์จะเกิดการบิดเบี้ยวและเกิดการดึงรั้งทำให้ผิวหนังเป็นคลื่นกระจายอยู่โดยรอบผิวจึงดูคล้ายผิวเปลือกส้มและการไหลเวียนของโลหิตเป็นไปอย่างช้า ๆ

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าปัญหาเซลลูไลท์สามารถแก้ไขหรือขจัดได้ด้วยเครื่องมืออันทันสมัยและเครื่องมือที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า เครื่องเซลลูไลท์ IP ค่ะ

เครื่องเซลลูไลท์ IP เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีประโยชน์มากทีเดียว ไม่ได้จำกัดเฉพาะการสลายเซลลูไลท์เท่านั้น สำหรับผู้ที่ผิวหนังไม่กระชับหรือเป็นคลื่นที่เกิดจากการดูดไขมันหรือลดความอ้วนเมื่อทำแล้วก็สามารถช่วยให้ผิวที่ไม่กระชับหรือเป็นคลื่นคืนกลับมากระชับและเรียบเนียนขึ้นได้ นอกจากจะช่วยทำให้ผิวหนังทั่วเรือนร่างดีขึ้นแล้วเครื่องเซลลูไลท์ IP ยังช่วยรักษาใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้อีกด้วย เป็นต้นว่า ช่วยลดริ้วรอย (wrinkles) บนใบหน้า ลดความหย่อนยานบนใบหน้า ลดความดำขอบตาที่คล้ำ ช่วย re-shape รูปลักษณ์บนใบหน้า ชะลอความแก่ตัวของเซลล์บนผิวหนัง (Anti-Aging) ลดถุงไขมันใต้ตา (ในกรณีที่เป็นไม่มาก) เพิ่มการหมุนเวียนของเลือดบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้ามีชีวิตชีวาดีขึ้นค่ะ








กราม
เพิ่มคำอธิบายภาพ


                  การผ่าตัดกราม "แก้ไขรูปหน้า"






ผู้หญิงหลายคนอาจไม่พอใจในเรื่องของรูปหน้าของตัวเองและมีความต้องการที่จะเพิ่งศัลยกรรม การผ่าตัดกราม เพื่อจะได้แก้ไขรูปหน้าของตนเองให้ดูดี ดูเรียว และสวยงามกว่าเดิม แต่ก็ที่คุณจะคิดเรื่อง การผ่าตัดกราม "แก้ไขรูปหน้า" นั้น คุณควรจะศึกษาถึงรายละเอียดต่าง ๆ ใน การผ่าตัดกราม ซะก่อน ฉะนั้นวันนี้เราจึงมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันค่ะ

การผ่าตัดกราม


ใบหน้าของคนทั่วไปจะสามารถแบ่งส่วนออกเป็นสามส่วนหลัก ๆ จากบนลงล่างคือ ส่วนบนสุด ได้แก่ กระโหลกและหน้าผาก ส่วนกลาง คือ ส่วนกรามบนจมูกและเบ้าตารวมทั้งโหนกแก้ม ส่วนล่างสุดคือส่วนกระดูกกราม การมีสัดส่วนของใบหน้าที่ใหญ่เกินเหมาะสมย่อมจะทำให้รูปร่างของใบหน้าดูไม่งามได้ ในผู้หญิงทั่วไปนิยมรูปใบหน้าที่เรียวยาวมากกว่าใบหน้ากว้าง กลม หรือเหลี่ยม การแก้ไขสัดส่วนของใบหน้าในส่วนต่าง ๆ สามารถทำให้โครงสร้างของใบหน้าเปลี่ยนแปลงได้

ในคนไทยและเอเซียเช่นญี่ปุ่น เกาหลี มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง คือ มีความโหนกของกระดูกโหนกแก้ม และกราม ทำให้ได้รูปทรงใบหน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยม การตัดแต่งกระดูกในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจึงเป็นต้องการของผู้ที่อยากจะได้รูปหน้าที่เรียวขึ้น ในปัจจุบันนี้ความก้าวหน้าทางการผ่าตัดกระดูกใบหน้าและศีรษะได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้การผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างของใบหน้าสามารถทำได้มากยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยมากขึ้น เช่นเดียวกับการแก้ไขกรามเพื่อความสวยงามก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเช่นเดียวกัน

ในบทความนี้จะกล่าวถึงการตัดแต่งมุมกรามที่ไม่ใช่การตัดกรามเพื่อแก้ไขความผิดปกติของการสบฟันและการขบเคี้ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและมีรายละเอียดมากกว่า รวมทั้งการตัดแต่งกระดูกโหนกแก้มซึ่งจะนำมาเสนอในโอกาสต่อ ๆ ไป

เมื่อพิจารณากรามที่ยื่นทางด้านหลังนั้นมีส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องด้วยกัน ได้แก่ กระดูกกรามด้านหลังหรือมุมกราม กล้ามเนื้อที่คลุมมุมกราม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการบดเคี้ยวอาหารซึ่งในบางคนมักจะมีขนาดใหญ่และหนาด้วย เส้นประสาทที่มุดในกระดูกกรามเพื่อรับรู้ความรู้สึกของซี่ฟันล่างส่วนหลังและริมฝีปากส่วนล่าง การตัดแต่งมุมกรามนั้นมีขั้นตอนในการดูแลได้แก่ แพทย์ผู้รักษาจะต้องตรวจดูสภาพของกระดูกกรามทั้งหมดเสียก่อนอันได้แก่ ความหนาความสูงของกระดูกกรามทั้งอัน ความสัมพันธ์ระหว่างกระดูกกรามและกระดูกใบหน้าส่วนบนรวมทั้งการสบฟันว่า ผิดปกติด้วยหรือไม่ ความหนาของกล้ามเนื้อมุมกรามดังกล่าว ความผิดปกติของกระดูกกรามส่วนอื่น เช่น คาง ข้อขากรรไกร รวมทั้งฟันซี่ต่าง ๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อจะได้นำข้อมูลมาประกอบการตัดกรามว่าจะสามารถทำให้ใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด และจะได้รูปร่างของใบหน้าสมดุลย์กับส่วนอื่นของใบหน้าหรือไม่ หลังจากนั้นต้องมีการตรวจภาพถ่ายรังสีเพื่อดูกระดูกกรามทั้งหมดและความยื่นของกระดูกกราม ฟันซี่ต่าง ๆ รวมทั้งศึกษาแนวในการตัดกระดูกกรามว่าจะตัดในแนวใดจึงจะเหมาะสม เป็นต้น
การผ่าตัดกรามนั้นจำเป็นต้องทำร่วมกับการดมยาสลบ เนื่องจากจะต้องมีการใช้เครื่องมือซึ่งเป็นเลื่อยอันเล็ก ๆ สอดเข้าไปตัดที่มุมกราม  โดยทั่วไปแล้วจะสามารถเข้าไปตัดกระดูกได้ โดยการผ่าตัดได้สองทางด้วยกัน คือ

1. การผ่าตัดจากภายนอกช่องปาก 

เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะเปิดแผลจากภายนอกบริเวณใกล้ ๆ กับมุมกรามแล้วค่อย ๆ เลาะผ่านกล้ามเนื้อและหลบเส้นประสาทสำคัญเส้นหนึ่งที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปาก หลังจากนั้นจึงตัดแยกกล้ามเนื้อมุมกรามออกเข้าหากระดูกมุมกราม เมื่อสามารถเปิดกระดูกมุมกรามส่วนที่ต้องการจะตัดได้เรียบร้อยแล้วจึงใช้เลื่อยตัดกระดูกตามแนวที่ต้องการแล้วเอาชิ้นกระดูกที่เกินนั้นออกไป ตกแต่งมุมกระดูกให้เรียบร้อยแล้วจึงทำการเย็บแผลปิด วิธีนี้แพทย์สามารถผ่าตัดได้ง่ายเนื่องจากไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรพิเศษมากนักและไม่ต้องผ่านช่องปากเข้าไปหากระดูกอาการบวมจึงมักจะน้อยกว่า แต่วิธีนี้มีโอกาสที่แพทย์อาจจะกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทที่มาเลี้ยงมุมกรามได้ แม้จะเป็นการชั่วคราวแต่ก็สามารถทำให้เกิดการเอียงหรือเบี้ยวของมุมปากได้ในระยะแรก และสิ่งสำคัญคือแผลผ่าตัดที่มุมกรามนั้นบางรายอาจจะสามารถเห็นและสังเกตได้ และบางรายก็เกิดอาการแผลปูดนูนตามมาในระยะหลังได้ซึ่งจะต้องทำการรักษาต่อไป

2. การผ่าตัดจากภายในช่องปาก 

วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะยุ่งยากมากกว่า และจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่พิเศษกว่าการตัดจากภายนอก แพทย์จะทำการเปิดแผลที่ในช่องปากตรงบริเวณหลังฟันกรามซี่สุดท้ายในแนวดิ่งแล้วค่อย ๆ เลาะแยกเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวรวมทั้งกล้ามเนื้อที่คลุมมุมกรามออก หลังจากนั้นจึงเลาะเยื่อหุ้มกระดูกออกให้กว้างเพียงพอที่จะสอดใส่เครื่องมือเข้าไปที่มุมกรามเพื่อจะให้เห็นมุมกรามและกรามส่วนหลังได้ชัดเจน หลังจากนั้นจึงใช้เลื่อยที่มีรูปร่างเป็นเลื่อยมุมฉากเข้าไปทำการตัดตามแนวที่ต้องการเลื่อยชนิดนี้จะมีความยาวเพียงพอที่จะทำให้การตัดในแนวตั้งฉากสามารถทำได้ หลังจากนั้นแพทย์จึงนำชิ้นกระดูกที่ถูกตัดขาดออกมาพร้อมกับการตกแต่งกระดูกส่วนที่เหลือให้กลมมนตามปกติ แล้วจึงเย็บแผลปิดตามเดิม ปัญหาของการตัดด้วยวิธีนี้นั้นส่วนมากมักจะเป็นเรื่องเทคนิกการผ่าตัดซึ่งมักจะต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด รวมทั้งต้องการเครื่องมื่อที่เหมาะสมด้วยจึงจะทำให้การผ่าตัดได้ผลดีและกระดูกที่ตัดออกมานั้นมีขนาดที่พอเหมาะ การผ่าตัดจากภายในปากนี้มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อและเยื่อบุปากมากกว่าจึงมีอาการบวมค่อนข้างจะมากกว่าการตัดจากภายนอกปาก แต่ไม่มีแผลเป็นให้เห็นจากภายนอกและการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทก็มักจะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ


การดูแลหลังการผ่าตัด

หลังการผ่าตัดนั้นโดยมากมักจะมีอาการบวมไม่มากก็น้อยผู้ป่วยมักจะปวดบริเวณที่ผ่าตัดบ้างพอสมควร แต่มักจะเข้าที่ทั้งหมดในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ส่วนอาการบวมที่มุมกรามมักจะมีอยู่ประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเห็นรูปร่างกระดูกกรามใหม่ การฝึกการอ้าปากนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะแนะนำโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการผ่าตัดจากในช่องปาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการติดแข็งของพังผืดที่อยู่รอบกรามและใกล้ ๆ กับข้อของขากรรไกรส่วนการอักเสบที่รุนแรงนั้นมักจะพบได้น้อยและไม่ค่อยมีปัญหากเรื่องดังกล่าว

ผลข้างเคียงของการผ่าตัดลดมุมกรามนั้นมีได้เหมือนกันครับที่เคยพบมาก็ได้แก่ 

1. ปัญหาเรื่องแผลผ่าตัดอักเสบติดเชื้อ สามารถพบได้ทั้งการผ่าตัดจากภายในและภายนอกช่องปาก แต่ทั้งนี้มักจะเป็นการอักเสบที่ไม่ค่อยจะรุนแรงนัก และสามารถรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะธรรมดาก็มักจะเพียงพอมีส่วนน้อยมากที่จะลุกลามเป็นการติดเชี้อที่กระดูกกราม 

2. ความไม่เท่ากันของกระดูกกราม ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากกระดูกกรามที่ไม่เท่ากันตั้งแต่ก่อนการผ่าตัดหรือรวมทั้งการตัดกระดูกกรามที่ไม่เท่ากันหรือเนื่องจากการบวมที่แตกต่างกันทั้งสองข้าง 

3. การกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทที่เลี้ยงริมฝีปากและเหงือก ซึ่งโดยทั่วไปหมอจะพยายามที่จะรักษาและหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทดังกล่าว และในกรณีที่ผ่านอกปากหมอจะพยายามเลี่ยงต่อเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปากล่าง แต่การดึงรั้งอาจจะทำให้เกิดการขยับปากหรือเกิดอาการชาที่ริมฝีปากได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนก็จะหายเป็นปกติได้ 

4. การเกิดกระดูกกรามหัก เป็นข้อแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อยมากแต่ในกรณีที่การตัดไม่ถูกต้องก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งการแก้ไขก็อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกับกระดูกกรามหัก ได้แก่ การยึดตรึงกระดูกด้วยโลหะหรือการจัดฟันให้เข้าที่ในช่วงเวลาหนึ่ง

สรุป

การผ่าตัดกระดูกมุมกรามให้เล็กลงสามารถแก้ไขลักษณะของใบหน้าที่กางเหลี่ยมให้ดูเล็กลงและเรียวขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ควรได้รับการผ่าตัดและตรวจอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้มีความชำนาญและมีอุปกรณ์ผ่าตัดที่ครบถ้วน เพื่อผลการผ่าตัดที่น่าพอใจและมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด








ศัลยกรรม



     น่ารู้! เรื่อง ศัลยกรรมเปลือกตา (การทําตา 2 ชั้น)





ศัลยกรรมเปลือกตาหรือ การทําตา 2 ชั้น นั้นปัจจุบันพบว่าเรื่องนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ปกติกันไปเสียแล้วในการทำ ศัลยกรรมเปลือกตา หรือ การทําตา 2 ชั้น ในเรื่อง ศัลยกรรมเปลือกตา หรือ การทําตา 2 ชั้น ข้อดีนั้นก็ยังมีอยู่ไม่ว่าจะช่วยในเรื่องความสวยความงามหรือแม้แต่ช่วยด้านการมองเห็น ส่วนใหญ่แล้วผู้คนที่มักจะทำศัลยกรรมเปลือกตาหรือการทําตา 2 ชั้นนั้นมักจะเลือกในเรื่องของความสวยความงามมาเป็นอันดับต้นๆ สำหรับต้นเอง แต่อย่างไรก็ตามการศัลยกรรมเปลือกตาหรือการทําตา 2 ชั้นก็ยังคงมีข้อจำกัดในการทำอยู่ฉะนั้นแล้วควรจะศึกษากันอย่างดีเพื่อจะได้ไม่มาผิดหวังตอนหลังนะค่ะ

น่ารู้! ศัลยกรรมเปลือกตา (การทําตา 2 ชั้น)

การผ่าตัดด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดในการทำศัลยกรรมเปลือกตาในเวลานี้ คนทำตาสองชั้นมีให้เห็นกันแพร่หลายมีหมอความงามในเมืองไทยกว่า 500 - 600 คน

นอกจากเพื่อความงามหรือบุคลิกภาพที่ดีกว่าเดิมแล้ว การทำศัลยกรรมเปลือกตาโดยเฉพาะทำตาสองชั้นยังมีเหตุผลทางด้านสุขภาพด้วย เช่น ผู้สูงวัยที่หนังตาหย่อนปิดทับการมองเห็นจำเป็นต้องศัลยกรรมแก้ไขเพื่อให้สายตาและการมองเห็นดีขึ้น ส่วนความสวยงามที่ตามมาถือว่าเป็นของแถม

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเย็บแบบดั้งเดิมหรือการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยเพื่อให้ได้มาซึ่งตาสองชั้นสมใจนั้น คุณหมออรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อความงามประเทศไทย แนะนำว่า ควรรอให้ถึงวัย 17 ปี ขึ้นไปก่อนค่อยทำเพราะโครงสร้างกระดูกและผิวหน้าจะเริ่มคงที่ ถ้าศัลยกรรมตั้งแต่อายุยังน้อยกว่านี้ อีกหน่อยก็ต้องพึ่งหมออีกเพราะโครงสร้างหน้าเปลี่ยนไปที่ศัลยกรรมเอาไว้อาจต้องรื้อหรือแก้ไขใหม่ และการศัลยกรรมเปลือกตามีข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยเรื้อรังบางโรค

หลังจากการทำศัลยกรรมเปลือกตา ถ้าดูแลสุขภาพอย่างดีเปลือกตาใหม่จะอยู่ได้นาน 7-8 ปี หรือนานกว่านั้น ที่สำคัญเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและได้ผลจริง ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการต้องทำการบ้านอย่างดีเสียก่อนและเพื่อพัฒนาความรู้แก่แพทย์และพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง






ศลัยกรรม




              เรื่องน่ารู้ IPL คืออะไร ???




ณ เวลานี้หลายๆ คนให้ความสนใจเรื่อง IPL เป็นอย่างมากและอยากรู้ว่า IPL คืออะไร มีประสิทธิภาพอย่างไร แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับการศัลยกรรม ใครอยากรู้เรื่อง IPL คืออะไร มาหาคำตอบกันได้ที่นี่เลยจ้า แล้วคำถามเรื่อง IPL คืออะไร คงไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังคงมีคนสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงาน และ IPL สามารถใช้ประโยชน์อย่างไรกับตัวของเราและจะได้ผลมากน้อยเพียงใด มีผลค้างเคียงหรือไม่หากว่ามีการใช้เจ้า IPL ตัวนี้ วันนี้ใครอยากรู้คำตอบของเจ้า IPL คืออะไร วันนี้หาคำตอบได้ที่นี่กันแล้วค่ะ นั้นเราอย่ารอช้ามาดูคำตอบกันเลยดีกว่าเนอะ


IPL คืออะไร ?


โดย อ.นพ.สิทธิโชค ทวีประดิษฐ์ผล
สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่ให้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงมีความยาวของคลื่นแสงตั้งแต่ 515 ถึง 1,200 นาโนเมตร และสามารถปรับความยาวของคลื่น และระยะเวลาการปล่อยลำแสงที่พอเหมาะในการใช้งานโดยการใช้ฟิลเตอร์

หลักการทำงานของ IPL แตกต่างจาก Laser ตรงที่คลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจะมีช่วงความยาวของคลื่นแสงที่กว้างกว่า

IPL ถูกนำมาใช้งานในการรักษารอยโรคบางชนิดบนผิวหนังและใช้ในการปรับสภาพผิวหน้าในผู้ป่วย ปัจจุบันมีเครื่อง IPL หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

- รอยโรคทางผิวหนังที่สามารถรักษาได้โดย IPL ได้แก่


1. รอยโรคของเส้นเลือด เช่น ปานแดงตั้งแต่กำเนิด, จุดเส้นเลือดขอด

2. รอยโรคที่เกิดจากเม็ดสีของผิวหนัง เช่น ปานดำตั้งแต่กำเนิด, กระ, ฝ้า เป็นต้น

3. การถอนขน

4. การปรับสภาพผิวหน้าให้กระชับ

5. การรักษาสิวโดยใช้ร่วมกับสารเคมีบางชนิด เช่น 5-ALA

6. การรักษาแผลเป็นนูน


การรักษาโดย IPL สามารถทำในลักษณะผู้ป่วยนอกได้เหมือนการทำ Laser โดยทั่วไปใช้ระยะเวลาในการรักษา 4-6 ครั้ง แต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เว้นระยะห่างครั้งละ 3-6 สัปดาห์


- ข้อดีของการรักษาโดย IPL ได้แก่


1. ลำแสงของ IPL จะไม่ทำลายผิวหนังชั้นบนสุดซึ่งแตกต่างจาก Laser

2. ไม่ทำให้เกิดบาดแผล

3. ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งน้อยและผู้ป่วยสามารถทำงานได้ตามปกติ


- ผลข้างเคียงของการรักษาโดย IPL เกิดขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรง เช่น


1. อาการเจ็บขณะที่ทำการรักษา

2. ในบางรายอาจมีผิวหนังแดง

3. ปวดแสบร้อน ซึ่งมักจะพบได้ใน 2-3 วัน หลังให้การรักษา

4. บางรายอาจจะเกิดเป็นรอยด่างขาว ซึ่งจะค่อยๆ จางหายได้เอง

5. ในบางรายอาจจะมีสีของผิวหนังเข้มขึ้นได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือใช้ครีมทากันแดด








ผ่าตัด




       เรื่องน่ารู้! การผ่าตัดแปลงเพศ





ณ สมัยปัจจุบันนี้เรื่องการผ่าตัดแปลงเพศนั้นถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับกับบุคคลหลาย ๆ คนมากยิ่งขึ้น และถ้าใครกำลังคิดที่จะทำ การผ่าตัดแปลงเพศ ก็ควรจะศึกษาถึงเรื่อง การผ่าตัดแปลงเพศ กันให้ดี แต่ ณ ปัจจุบันเรื่องการผ่าตัดแปลงเพศในส่วนของเทคโนโลยีก็นับได้ว่ามีวิวัฒนาการที่ก้าวไกลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งก็เป็นที่น่าเชื่อถือ วันนี้เราเลยขอนำเรื่องดี ๆ ของการผ่าตัดแปลงเพศมาฝากให้คุณคนที่กำลังจะทำการผ่าตัดแปลงเพศให้ได้รู้ถึงรายละเอียดบ้างอย่างมากยิ่งขึ้นค่ะ


เรื่อง การผ่าตัดแปลงเพศ


พ.ร.บ. แปลงเพศ 2552 (สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย)

ปัจจุบันการผ่าตัดแปลงเพศได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นการรักษาที่เหมาะสมเป็นประโยชน์และช่วยเหลือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า "บุคคลข้ามเพศ" (Transsexual) ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยใช้ศัลยกรรมช่วยสร้างอวัยวะเพศใหม่ให้ตรงกับเพศที่บุคคลนั้นต้องการ ในหลาย ๆ ครั้งบุคคลเหล่านี้อาจถูกเรียกว่าเป็นผู้ป่วยด้านจิตเวชด้วยเหตุและปัจจัยบางอย่าง


ในประเทศตะวันตกมีการผ่าตัดแปลงเพศมาตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2500 ส่วนในประเทศไทยมีการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2518 จนกระทั่งฝีมือศัลยแพทย์ไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับทั่วโลก นอกจากจะมีการผ่าตัดผู้ป่วยชาวไทยแล้ว ยังมีผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารับการผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา 


ในประเทศตะวันตกรวมทั้งประเทศในเอเซีย อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นต้น ผู้ที่จะขอรับการผ่าตัดได้จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินวินิจฉัยและการรักษาจากจิตแพทย์แพทย์ด้านต่อมไร้ท่อรวมทั้งใช้ชีวิตในเพศที่ต้องการเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน จากนั้นจิตแพทย์จึงจะออกหนังสือรับรองว่า ผู้ป่วยนั้นมีความเหมาะสมที่จะได้รับการผ่าตัดแปลงเพศ ศัลยแพทย์จึงสามารถทำผ่าตัดให้ผู้ป่วยได้ จากนั้นผู้ที่ได้รับการผ่าตัดในประเทศเหล่านั้นก็สามารถร้องขอให้รัฐเปลี่ยนสถานะทางเพศตามกฎหมายให้กับผู้ป่วยได้


สำหรับในประเทศไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีกฎเกณฑ์การประเมินวินิจฉัยผู้ที่ขอรับการผ่าตัดโดยเคร่งครัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้พบจิตแพทย์หรือแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ ศัลยแพทย์แต่ละคนมีเกณฑ์คัดกรองประเมินผู้ป่วยที่ขอรับการผ่าตัดแปลงเพศแตกต่างกันไม่ว่าเรื่องอายุขั้นต่ำของผู้ป่วย ระยะเวลาที่ต้องได้รับการดูแลด้านจิตเวชมาก่อน ระยะเวลาในการใช้ฮอร์โมนก่อนผ่าตัด ระยะเวลาที่ต้องใช้ชีวิตแบบเพศตรงข้าม อย่างไรก็ตามก็ไม่เคยเกิดปัญหาที่เกี่ยวกับการแปลงเพศ อีกทั้งมีผู้ป่วยชาวต่างชาติจากทั่วโลกเดินทางเข้ามารับการผ่าตัดแปลงเพศมากขึ้นทุกปีจนกระทั่งเกิดกรณีวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการตัดลูกอัณฑะให้กับวัยรุ่นจำนวนมาก ทำให้แพทยสภาเห็นว่าจะต้องมีการพิจารณาออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการรักษาด้วยการแปลงเพศเหมือนในประเทศอื่น ๆ โดยมีความคาดหวังดังนี้
1. บุคคลข้ามเพศรวมทั้งผู้ที่มีความผิดปกติด้านเอกลักษณ์ทางเพศอื่น ๆ (Gender Identity Disorder) จะเข้าถึงบริการด้านการแพทย์และได้รับการดูแลดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้นจากบุคลากรการแพทย์ต่าง ๆ อาทิ ได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง การให้ความรู้ความเข้าใจและการบำบัดรักษาทั้งส่วนผู้ป่วยเอง ครอบครัว สังคม จากจิตแพทย์ ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนและให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องผลข้างเคียงและข้อระมัดระวังในการใช้ฮอร์โมนจากแพทย์ต่อมไร้ท่อ สุดท้ายคือได้รับการรักษาจากศัลยแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดแปลงเพศ


2. มีการรักษาและส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรมวิชาชีพให้กับแพทย์ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีการสัมมนาและออกหนังสือแนวทางปฏิบัติสำหรับจิตแพทย์ แพทย์ต่อมไร้ท่อและศัลยแพทย์ในการรักษาเพื่อแปลงเพศเป็นมาตรฐาน ลดโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งและการฟ้องร้องระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย กรณีเกิดปัญหาจากการรักษาเพื่อแปลงเพศในอนาคต


3. ช่วยให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศมากขึ้น ในอดีตคงเป็นที่ทราบกันว่า บุคคลข้ามเพศถูกมองในเชิงลบและถูกกันออกจากสังคมมากเพียงใด แต่จากนี้ไปหลังบุคคลข้ามเพศได้รับการดูแลด้านการแพทย์จนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็จะมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถตามศักยภาพของแต่ละคนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสังคมสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


4. จากการประสานงานและจัดการประชุมสัมมนาร่วมหลายครั้งของแพทย์สภากับราชวิทยาลัยจิตแพทย์ อายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ สูตินรีแพทย์ และกุมารแพทย์ รวมทั้งส่วนราชการอื่น ๆ อาทิ ศาลฏีกา กองทัพ กระทรวงต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมอัยการ ก.พ. สภาทนายความ ฯลฯ น่าจะเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้รัฐพิจารณาการออกหรือแก้กฎหมาย เพื่อให้บุคคลข้ามเพศมีสิทธิต่าง ๆ ดีขึ้น หรือถึงกับเปลี่ยนสถานะทางเพศตามกฎหมายเป็นเพศใหม่หลังผ่าตัดได้


ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้มองภาพออกว่า การบังคับใช้ข้อบังคับแพทย์สภา เรื่องหลักเกณฑ์การรักษาเพื่อแปลงเพศ พ.ศ. 2552 จะมีผลกระทบต่อทุกภาคส่วนอย่างไร แน่นอนว่า นับจากปลายเดือนพฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป ก่อนที่บุคคลข้ามเพศแต่ละคนจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศได้นั้นจะต้องมีกระบวนการที่ใช้เวลามากขึ้น ขั้นตอนมากขึ้น เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จิตแพทย์ และแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ รวมทั้งสูตินรีแพทย์จำนวนหนึ่งที่ไม่เคยต้องมีส่วนในการรักษาเพื่อแปลงเพศก็จะต้องสละเวลาเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้มากขึ้น

ศัลยแพทย์จะผ่าตัดแปลงเพศให้กับผู้ป่วยได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีหนังสือรับรองจากจิตแพทย์ 2 ท่าน หรือในกรณีผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารับการผ่าตัดก็จะต้องผ่านการคัดกรองและประเมินจากจิตแพทย์ไทย 1 ท่านก่อน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะช่วยคัดกรองให้ผู้ที่เหมาะสมจริง ๆ เท่านั้นที่จะได้รับการรักษาด้วยการแปลงเพศอย่างถาวร วงการแพทย์ของประเทศไทยก็จะได้รับความเชื่อถือในสายตาของนานาชาติมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง